สภาตลาดทุนไทย ลุ้นปัจจัยวัคซีนโควิด ดันตลาด หุ้นฟื้นตัว ทั้งปัจจัยเงินทุนไหลเข้า ส่งผลดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนไทย 3 เดือนข้างหน้าขยับตัวอยู่ในโซนร้อนแรง เชื่อตลาดทุนไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ปี 2564-2565 สถานการณ์นักท่องเที่ยวเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เตือนกรณีศึกษา Game Stop ลงทุนไม่ใช่เรื่องสนุก
ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investment Index) ที่สำรวจในเดือนมกราคม 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 132.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% จากการสำรวจในเดือนธันวาคม 2564 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ต่อเนื่อง โดยนักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย รวมทั้งสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย จากการทยอยฉีดวัคซีนในหลายประเทศ รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มดี ขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่น ได้แก่ การระบาดของโควิดระลอกใหม่ สถานการณ์เศรษฐกิจในยูโรโซน และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ วัคซีนโควิดความหวังตลาดหุ้นไทย ไพบูลย์ กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์ตลาดหุ้นทั่วโลก ในเดือนมกราคม 2564 ประเทศที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวดีที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ อิสราเอล คิดเป็นอัตราการขยายตัว 7% อิสราเอล ถือเป็นประเทศที่อัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด ขณะที่ในตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ที่มีผลประกอบการดีที่สุด ได้แก่ ยูเออี มีอัตราการขยายตัว 8% ถือเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในจำนวนมากเช่นเดียวกัน ขณะที่ผลประกอบการของตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ จะมีการเติบโตเฉลี่ย 3% ขณะที่ไทยขยายตัวที่ 1.2% ต่ำกว่าตลาดรวม “ตัวเลขการเติบโตของตลาดหุ้นในแต่ละประเทศ สัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน สำหรับประเทศไทย ตามแผนปีนี้ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 50% ซึ่งหากรัฐบาลดำเนินการได้ตามแผน ไม่สะดุด จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาด แต่หากไม่เป็นไปตามแผน และเกิดการระบาดระลอก 3 จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยด้วย” ไพบูลย์ระบุ อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย อัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะช้ากว่าประเทศอื่น ซึ่งหลายสำนักได้ออกมาคาดการณ์ลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจเหลือประมาณ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก แม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้วในหลายประเทศ แต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้าสู่ภาวะปกติในปี 2565 ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า แต่ทั้งนี้สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป และจะดีขึ้นในปี 2565 สำหรับหุ้นที่น่าสนใจของนักลงทุนจากการสำรวจในเดือนมกราคมนี้ ยังคงอยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี อาหาร และอีคอมเมิร์ซ ส่วนหุ้นที่นักลงทุนไม่สนใจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ธนาคาร เป็นต้น
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine