“เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์” ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีนรายใหญ่ เตรียมออกหุ้นกู้ ชูช่วงอัตราดอกเบี้ยสำหรับรุ่นอายุ 5-10 ปี - Forbes Thailand

“เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์” ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีนรายใหญ่ เตรียมออกหุ้นกู้ ชูช่วงอัตราดอกเบี้ยสำหรับรุ่นอายุ 5-10 ปี

บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ “HMC Polymers” ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีนหรือ PP รายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 40 ปี อีกทั้งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ “GC” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 นี้ ผ่าน 4 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

    

    HMC Polymers เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 รุ่นอายุ 3 ปี ซึ่งจะมีการแจ้งอัตราดอกเบี้ยในภายหลัง ชุดที่ 2 รุ่นอายุ 5 ปี ช่วงอัตราดอกเบี้ย 4.10%-4.40% ต่อปี ชุดที่ 3 รุ่นอายุ 7 ปี ช่วงอัตราดอกเบี้ย 4.45%-4.75% ต่อปี และชุดที่ 4 รุ่นอายุ 10 ปี ช่วงอัตราดอกเบี้ย 4.79%-5.09% ต่อปี 

    สำหรับอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบอีกครั้ง โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 5-6 และ 9 ตุลาคม 2566 และออกหุ้นกู้ในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้ หุ้นกู้ในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ "A-(tha)" โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 สะท้อนถึง ความเป็นผู้นำในธุรกิจเม็ด PP รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้ HMC Polymers สามารถมุ่งเน้นในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม

    คอร์โซ อูซีลลี่ ประธานบริษัท กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา HMC Polymers มุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ พัฒนาสู่ความเป็นเลิศทั้งในด้านฐานการผลิต และการดำเนินธุรกิจทุกๆ มิติอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดจาก LyondellBasell หนึ่งในผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตเม็ดพลาสติก PP ระดับโลก มาประยุกต์ใช้ และเมื่อรวมกับการสนับสนุนด้านต่างๆ จาก GC ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จึงสามารถผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty Product) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated Product) ซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาด เพื่อการนำไปใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มการแพทย์และสุขอนามัย กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบแข็งและแบบยืดหยุ่น รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ด้วย”

    อังคณี สุนทรสวัสดิ์ รองประธาน สายการเงิน บัญชีและงานสนับสนุนองค์กร กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าในช่วงปี 2565 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะมีแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผลประกอบการของผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 HMC Polymers มีรายได้จากการขายสุทธิ 12,825 ล้านบาท 

    สำหรับภาพรวมฐานะการเงินมีความแข็งแกร่ง ด้วยสัดส่วนของทุนที่สูง และ มีสภาพคล่องในระดับเพียงพอ ประกอบด้วยความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จึงส่งผลให้ HMC Polymers และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับ A- ดังนั้น การออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาโอกาสจากการลงทุนในธุรกิจที่มีความมั่นคง “ENDLESS POSSIBILITIES OF INVESTMENT CHOICE” ไปพร้อมกับการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ HMC Polymers ภายใต้แนวคิด “INNOVATE ENDLESS POSSIBILITIES” หรือ “นวัตกรรมสร้างสรรค์…ไม่สิ้นสุด” มุ่งขับเคลื่อนความมั่นคงทางธุรกิจ ควบคู่การเติบโตอย่างยั่งยืน”

    “ปัจจุบัน HMC Polymers มีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก PP มากกว่า 1,000,000 ตันต่อปี และเป็นผู้นำด้านการผลิตเม็ดพลาสติก PP แบบครบวงจรระดับแนวหน้าและทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การรับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 14001 โดยเม็ดพลาสติก PP ของ HMC Polymers นำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พบได้ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบแข็ง บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบยืดหยุ่น ผลิตภัณฑ์อุปโภค บริโภค อุตสาหกรรมยานยนต์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสุขอนามัย รวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มท่อและสิ่งทอ เป็นต้น”

    

    อ่านเพิ่มเติม : จีนจัดงาน SCE ประจำปี 2566 โชว์นวัตกรรมรถ NEV อัจฉริยะ

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine