ประเดิมไตรมาสแรกปี 2023 เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงกว่าตลาดคาดการณ์ - Forbes Thailand

ประเดิมไตรมาสแรกปี 2023 เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงกว่าตลาดคาดการณ์

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2023 ขยายตัวสูงกว่าตลาดคาด เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.7%YOY ในไตรมาสแรกของปี 2023 เทียบกับตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในการสำรวจของ Reuters ที่ 2.3% ขยายตัวดีขึ้นจาก 1.4%YOY ในไตรมาสก่อน ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.9%QOQ_sa หลังปรับฤดูกาลเทียบกับ -1.1%QOQ_sa ในไตรมาสก่อน


    ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีแรงหนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 6.5 ล้านคนในไตรมาสนี้ อีกทั้ง ความต้องการท่องเที่ยวในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนไทยที่เติบโตได้สูงกว่าช่วงก่อนโควิดแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 พร้อมกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ของภาครัฐที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงเดือนมีนาคม ส่งผลดีต่อตลาดแรงงาน การผลิต การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน

    นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐยังขยายตัวได้ดีจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณก่อนการยุบสภา อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ายังหดตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มและความผันผวนของเศรษฐกิจและการค้าโลก ด้านการบริโภคของภาครัฐแม้จะได้รับประโยชน์จากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ แต่นับว่าหดตัวลงมากหลังเม็ดเงินกู้พิเศษในช่วงวิกฤตโควิดหมดลง สำหรับภาคการผลิต (Production approach) พบว่าภาคบริการขยายตัวสูง ภาคเกษตรขยายตัวเร่งขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการเพาะปลูก อย่างไรก็ดี ภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่องตามการหดตัวของการผลิตเพื่อส่งออก

    ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวใกล้ระดับก่อนโควิดมากขึ้น หลายภาคส่วนฟื้นตัวเหนือระดับดังกล่าวแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2023 อยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนวิกฤตโควิดประมาณ 1.5% หากพิจารณาในด้านการใช้จ่าย การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การบริโภคภาครัฐ การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกสินค้าอยู่ในระดับสูงกว่าระดับก่อนวิกฤตโควิดแล้ว แต่การส่งออกภาคบริการ (ซึ่งส่วนมากเป็นภาคการท่องเที่ยว) ยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดวิกฤตราว 40% และหากพิจารณาในด้านภาคการผลิต

    ภาคเกษตรฟื้นตัวอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนวิกฤตโควิดแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤตราว 1% และ 3.6% ตามลำดับ ทั้งนี้คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตได้ในช่วงกลางปี 2023


รูปที่ 3 : เศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่าวิกฤตโควิดราว 1.5%

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ


    ในระยะถัดไปเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว SCB EIC ประเมินว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยมากถึง 30 ล้านคนในปี 2023 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์จากการที่นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้ามาในไทยได้มากถึง 4.8 ล้านคนจากการประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบของจีน

    อีกทั้ง จำนวนผู้เยี่ยมเยือนไทยในเดือนเมษายนยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยกดดันจากนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจโรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ รถเช่า สถานที่และกิจกรรมท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร สปาและเวลเนส รวมถึงบริการทางการแพทย์

    ด้านการส่งออกสินค้าที่หดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกคาดว่าจะมีแนวโน้มหดตัวในอัตราชะลอลงและขยายตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2023 ด้านการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่สูงขึ้น อีกทั้ง ภาคการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอุปสงค์ภายในประเทศ สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่อยู่ในระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการสำรวจในเดือนธันวาคม 2015

    อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2023 ยังต้องเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำหลายประการ ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจรุนแรงขึ้น ปัญหาวิกฤตเสถียรภาพทางการเงินโลกที่อาจลุกลาม เงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวแรงขึ้น นโยบายการเงินโลกและไทยที่อาจตึงตัวแรงขึ้น หนี้ครัวเรือนและแนวโน้มการผิดชำระหนี้ที่อาจสูงขึ้น และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเมืองจากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล


รูปที่ 4 : SCB EIC ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยมากถึง 30 ล้านคนในปี 2023 ส่งผลดีต่อธุรกิจใน Tourism ecosystem

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา


รูปที่ 5 : การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และภาคการผลิตมีแนวโน้มปรับดีขึ้น

ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ S&P Global


    การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาในปี 2023 การเลือกตั้งและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจไทยใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2023 เนื่องจาก พ.ร.บ. งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2023 จะครอบคลุมการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐจนถึงสิ้นไตรมาส 3 ของปี 2023 และทำให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามนโยบายและโครงการต่าง ๆ ที่มีการกำหนดไว้แล้วได้เป็นปกติ อีกทั้ง ยังมีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณและนำเรื่องเข้ากระบวนการพิจารณาก่อนการยุบสภา

    นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยจะยังได้รับแรงสนับสนุนจากเม็ดเงินในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ผลกระทบด้านลบจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 จากความไม่แน่นอนของระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2024 ส่งผลให้มีเม็ดเงินสนับสนุนเศรษฐกิจจากภาครัฐเพิ่มเติมได้ไม่มากนัก อีกทั้ง นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่จะมีผลกระทบสู่เศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2024

    ทั้งนี้ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2023 ล่าสุดอยู่ที่ 3.9% (คาดการณ์ ณ เดือนมีนาคม) โดย SCB EIC กำลังติดตามและวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ​


อ่านเพิ่มเติม: พิธา ลิ้มเจริญรัตน์: อวดโฉมรำข้าวไทยบนเวทีโลก


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine