นักลงทุนชื่อดังฝั่งอเมริกา คาดตลาดหุ้นเตรียมพุ่งแดนบวก มั่นใจ Fed ไม่ปรับดอกเบี้ยเพิ่ม

มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง Paul Tudor Jones คาดการณ์ ตลาดหุ้นปี 2023 หลังจากนี้เตรียมพุ่งขึ้นในแดนบวก มั่นใจ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อจนสูงเต็มเพดานแล้วและคงไม่ปรับเพิ่มอีก

    Paul Tudor Jones มหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Squawk Box ของทางสถานีโทรทัศน์ CNBC โดยมั่นใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ได้ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น Fed ไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใดๆ อีกในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ และคาดว่าน่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะปรับตัวในแดนบวกเพิ่มสูงขึ้นในปี 2023

    ทั้งนี้ Jones ได้ให้เหตุผลต่อความเชื่อมั่นของตนเองด้วยการอ้างถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงมา 12 เดือนติดต่อกันแล้ว และนับเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

    นอกจากนี้ ตามรายงานยังระบุด้วยว่า Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในปัจจุบันอยู่ที่ 5-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2007 

    ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวชะลอความร้อนแรงลงอย่างมาก นับตั้งแต่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ราว 9% ในเดือนมิถุนายน 2022 มาเหลืออยู่ที่ 4.9% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

​

    เหล่าบรรดานักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่าตลาดหุ้นในช่วงนี้คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงกลางปี 2006 ก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกที่หุ้นขยับตัวสูงขึ้นเป็นเวลากว่าหนึ่งปีหลังจากที่ Fed หยุดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด    

    Jones กล่าวเสริมด้วยว่า ราคาหุ้นในปีนี้น่าจะทยอยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่นักลงทุนรายอื่นๆ ต่างมองว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้หุ้นอาจปรับตัวลดลงบ้าง เนื่องจากปัญหาการต่อสู้เพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่ง Jones ยอมรับว่าสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าตัวเตรียมช้อนซื้อท่ามกลางปัจจัยผันผวนทางการเมือง

    สำหรับ Paul Tudor Jones หรือมหาเศรษฐีนักลงทุนรายนี้ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการออกมาคาดการณ์วิกฤตตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นในปี 1987 ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถทำกำไรได้จากสภาวะตลาดหุ้นตกต่ำในครั้งนั้นได้ 

    นอกจากนี้ Jones ยังดำรงตำแหน่งประธานของกลุ่ม Just Capital องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่ทำหน้าที่จัดอันดับบริษัทมหาชนของสหรัฐฯ โดยพิจารณาจากมาตรวัดด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่มเติม: NIA เปิดความสำเร็จย่านการแพทย์โยธีกับโมเดล “อินโนเวชันแชร์ริ่ง”

​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine