โควิด-19 ชะงักงันเศรษฐกิจในทั่วโลกแทบทุกห่วงโซ่อุตสาหกรรม หนึ่งในเศรษฐกิจที่ถูกกระทบอย่างรุนแรงหนีไม่พ้นภาคการท่องเที่ยว อันเนื่องจากผู้คนไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งธุรกิจโรงแรมก็เป็นหนึ่งในห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ว่ากลุ่มโรงแรมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ในทั่วโลก
ราว 2-3 ปีที่ผ่านมาจึงเป็นโจทย์ใหญ่และโอกาสที่สำคัญสำหรับ RHG Group กลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกด้วยขนาดสมาชิกที่มีมากถึง 180 ล้านรายทั่วโลก คือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านไอทีโซลูชัน สร้างและสนับสนุนทีมงานรุ่นใหม่ และเตรียมพร้อมด้านการลงทุนในวันที่โรคระบาดสิ้นสุดซึ่งเขาคาดว่าจะรวดเร็วกว่าที่คิด เอเชียแปซิฟิกและจีนเป็นหนึ่งในภูมิภาคสำคัญที่ RHG Group ได้ยกระดับความสำคัญตั้งแต่ก่อนการเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ปี 2022 การขยายการเติบโตของกลุ่มโรงแรมนี้จึงเสมือนภาคต่อของความทุ่มทุนและแรงใจ โดยมี Ramzy Fenianos ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนา ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป หรือ RHG Group ซึ่งรับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2018 รับผิดชอบด้านการพัฒนากลยุทธ์และการตลาด กำกับดูแลภาพรวมของการพัฒนาโรงแรมในกลุ่ม RHG ทั้ง 9 แบรนด์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและจีน เพื่อนำพาธุรกิจกลับไปสู่ปี 2019 ในสำเร็จ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ ทำให้เขาได้เดินทางไปยังโรงแรมในเครือเป็นประจำ ประกอบกับเป็นผู้ชื่นชอบท่องเที่ยว ทุกประเทศที่เขาเดินทางไปถึง เขามักหาโอกาสไปสัมผัสวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศนั้นเสมอๆ นักบริหารผู้รักการท่องเที่ยวรายนี้จึงได้เห็นสัญญาการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากหลายภูมิภาคไล่เรียงตั้งแต่ประเทศในยุโรป ออสเตรเลีย จีน รวมไปถึงสิงคโปร์ประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สถานที่ซึ่งเขานั่งบริหารเพื่อการทำงานที่สอดประสานกับสำนักงานประจำประเทศอื่นๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ระหว่าง 2-3 ปีที่ผ่านมาเขาได้เห็น หลายประเทศลดระดับความเข้มข้นในการเดินทางเข้าประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศ สำหรับสถานการณ์ด้านโควิด-19 ในประเทศไทย เขาได้เห็นหน่วยงานจากรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต่างได้ผลักดันนโนบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Thailand Pass, Test and Go, การโปรโมตการท่องเที่ยวในต่างประเทศจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีแต่ทั้งนี้ก็ยังมีมาตรการบางอย่างที่ยังไม่ได้ยกออกทั้งหมด “ถ้ามองไปที่ประเทศซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว กฎระเบียบบางอย่างที่จำเป็นได้ถูกยกออกไปแล้ว และผมคิดว่าประเทศไทยกำลังเดินทางไปในทิศทางที่ดีสำหรับการท่องเที่ยว ซึ่งหากรัฐบาลมีการลดกฎระเบียบที่สำคัญที่นำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับสู่สภาวะปกติ”เดินหน้าสู่ “One Global Data”
โควิด-19 ถือเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้าที่หลายธุรกิจต้องแก้ไขแต่โจทย์ใหญ่ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนคือปรับกระบวนการทำงานธุรกิจให้พร้อมรับยุคดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ซึ่ง RHG Group กำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนครั้งสำคัญทางด้านดิจิทัลและเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้าน “ไอที เทคโนโลยี” ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของในยุคนี้ RHG Group ได้ลงทุนราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโปรเจ็กต์สำคัญที่เรียกว่า “EMMA” แพลตฟอร์มในการบริหารจัดการดาต้าที่จะเข้ามาแก้ปัญหาและสร้างการทำงานแบบครบวงจรให้กับแขกผู้เข้าพักและเจ้าของโรงแรม เพื่อยกระดับบริการที่เป็นเลิศและเพิ่มประสิทธิการทำงานผ่านเทคโนโลยี “EMMA สามารถบอกได้เราได้ว่าลูกค้าที่เข้าพักโรงแรมของเราในยุโรปเมื่อสองวันก่อนเดินทางมาจากประเทศไทย สั่งอาหารอะไร ชอบเครื่องดื่มแบบไหน สำหรับด้านเจ้าของโรงแรม EMMA จะช่วยสามารถวัดผลด้านการเงิน รายได้ ประสิทธิภาพการทำงานให้เพิ่มสูงขึ้น” ดาต้าจากเครื่องมือด้านดิจิทัล อาทิ Radison Plusโปรแกรมบริหารจัดการของแต่ละโรงแรมในเครือจากทั่วโลกทีในทุกๆ วันดาต้าจากเครื่องมือทางดิจิทัลเหล่านั้นจะถูกรวบรวมนำมาประมวลและวิเคราะห์ ภายใต้ EMMA กระบวนการนี้ RHG Group เรียกกันว่า “One Global Data” โดย EMMA ได้ดำเนินการแล้วในทวีปยุโรป ขณะที่เอเชียแปซิฟิกนั้นอยู่ในระหว่างการทดสอบและสะสมข้อมูลต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกหนึ่งปีให้หลัง “ถ้ามองในโลกธุรกิจในปัจจุบันทุกบริษัทแข่งขันกันด้วยดาต้า ในธุรกิจโรงแรมก็เช่นกันต่างนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการแข่งขัน ความสามารถด้านการเงิน แต่จุดแข็งของเราซึ่งเป็นข้อได้เปรียบคือจำนวนข้อมูลมหาศาลของสมาชิกที่มีมากถึง 180 ล้านรายจากทั่วโลก”เป้าหมาย 5 ปี RHG ในเอเชียแปซิฟิก
เป้าหมายที่ RHG Group หมายมั่นไว้ตามแผน 5 ปีคือการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้สำเร็จ สำหรับประเทศไทย RHG Group ยกให้เป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญและตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโรงแรมให้เป็นสองเท่า ด้วยการจับมือกับพันธมิตรในการร่วมลงทุนในการสร้างและบริหารแบรนด์ ใน 2 ทิศทาง คือการเซ็นสัญญาร่วมลงทุนสร้างโรงแรมกับเจ้าของโรงแรมในประเทศไทยและการร่วมมือกับกลุ่มการลงทุนขนาดใหญ่ที่สนใจลงทุนหลายๆ โรงแรมในเวลาเดียวกัน อาทิ กลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในยุโรปที่อยากเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย สำหรับแผนการทำการตลาดในไทยนั้นด้วยฐานลูกค้าจากจีน อินเดีย และยุโรป ของกลุ่มโรงแรมที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนที่ RHG Group มีจำนวนโรงแรมในเครือมากเป็นอันดับหนึ่ง ในอินเดียมีจำนวนโรงแรมในเครือเป็นอันดับสอง ขณะที่ในยุโรป RHG Group เป็นเครือโรงแรมที่จำนวนโรงแรมมากที่สุด ซึ่งฐานของกลุ่มโรงแรมเหล่านี้ RHG จะทำการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนกับกลุ่มโรงแรมในประเทศไทย นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นในการลงทุนในประเทศไทยของกลุ่ม RHG Group ยังเห็นได้จากการเตรียมตั้งสำนักงานประจำประเทศไทย ประกอบไปด้วยฝ่ายพัฒนา ฝ่ายกฏหมาย ฝ่ายการบริหารจัดการ รวมถึงทีมที่ศึกษาความเป็นไทย วัฒนธรรม การใช้ชีวิต และนำจุดเด่นของประเทศไทยนำเสนอให้กับแขกผู้เข้าพัก “ยุทธศาสตร์ 5 ปีต่อจากนี้เราจะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและในเอเชียแปซิฟิก แม้จะถูกทำให้ช้าโดยสถานการณ์โควิดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่เราไม่ได้เปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่เราได้วางเอาแต่อย่างใด” นอกจากยุทธศาสตร์การลงทุนแล้วนั้น ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 RHG Group ยังให้ความสำคัญในการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค ศึกษาเรื่องเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยว รวมไปปัจจัยที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านเงินเฟ้อ กลยุทธ์เรายังคงเดินไปต่อไปแต่ยุทธศาสตร์การวางแผนต้องปรับเปลี่ยนในทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น Ramzy ได้เรียนรู้หลักการ 3 ข้อสำคัญในการบริหารธุรกิจ โดยหลักการแรกคือต้องกลับมาให้เร็วคือล้มได้แต่ต้องลุกเร็ว หลักการที่สองคือ การสร้างพนักงานให้มีทักษะการทำงานที่หลากหลาย และหลักการที่สามคือการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อให้อยู่ได้ในสถานการณ์ของตลาดที่ยากลำบาก ซึ่งทั้งสามหลักการนี้เป็นสามสิ่งนี้เกิดขึ้นระหว่างการเกิดโควิด-19 และกลุ่มโรงแรมได้นำมาปรับใช้“yes i can”
Ramzy เริ่มต้นอาชีพการทำงานจากพนักงานระดับปฏิบัติการจนกระทั่งเลื่อนขั้นและรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในปัจจุบัน ประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาคร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมมากกว่า 15 ปี และดำรงตำแหน่งสำคัญๆ กับบริษัทชั้นนำ อาทิ Bouygues Real Estate บริษัทย่อในกลุ่ม Dubai Holding Group, กลุ่ม Starwood Hotels & Resorts Worldwide เป็นต้น เขาเผยว่าการทำงานที่จริงจังคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ ตั้งแต่วัยเด็กเขาได้เห็นพ่อของเขาทำงานอย่างจริงจังและยึดเป็นต้นแบบในการทำงาน โดยเขายังได้ถ่ายทอดหลักการทำงานสอนลูกๆ เสมอว่า “งานแม้จะหนักแต่มันเห็นผลลัพธ์เสมอ” สำหรับหลักในการบริหารทีมงาน เขามักมอบเวทีในการแสดงศักยภาพเสมอและคำแนะนำที่จำเป็น เพื่อทีมงานได้ลองผิดลองถูก โดยหนึ่งในความภูมิใจของเขาในการทำงานที่ RHG Group คือได้เห็นศักยภาพของทีมงานที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน “เรากำลังเดินหน้าทำธุรกิจที่จะส่งมอบการบริการที่เหมือนดั่งฝันและในขณะเดียวกันเราเองก็ต้องทำกำไรเพื่อตอบแทนนักลงทุน ทั้งสองสิ่งนี้ไม่สามารถทำได้ ถ้าเราไม่ทีมงานซึ่งมีศักยภาพ เพราะธุรกิจโรงแรมเดินหน้าด้วยคน เราจึงได้พยายามพัฒนาและยกระดับการทำงานของพนักงาน เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เอง มี motto ที่พนักงานทุกระดับชั้นยึดเป็นแนวทางการทำงานคือ “yes i can” คำง่ายๆ 3 คำนี้สามารถขับเคลื่อนทุกสิ่งไปสู่เป้าหมายได้จริง" ด้านชีวิตส่วนตัว Ramzy ชื่นชอบกีฬาดำน้ำ ตีเทนนิส ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปทำงานมักจะหาเวลาเดินเที่ยวในชุมชนเพื่อดูว่าวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละที่เป็นอย่างไร การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเขาตกได้ตกผลึกความคิดที่ว่า “ชีวิตเรามีค่า บอบบาง และสั้นลงในทุกๆ วัน” อ่านเพิ่มเติม: ไทยตกอันดับ ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ “ทักษะดิจิทัล”ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine