เอสซีจี โฮม เอ็กซพีเรียนซ์ ครบรอบ 15 ปี ประกาศเป้าหมายปี 69 ดูแลเรื่องบ้านครบวงจร ‘คิด-สร้าง-ซ่อม-อยู่’ เตรียมดัน 5 เทรนด์บ้านตอบโจทย์ Sustainable Living ส่ง ‘คลินิกหมอบ้าน’ ลุยแก้ปัญหาสุขภาพโรคบ้านเสื่อมอย่างเข้าใจและตรงจุด ตอบรับการปรับบ้านเพื่อสร้างการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน พร้อมตอกย้ำแนวคิด ESG ด้วยการจัดโครงการประกวดแบบบ้าน ‘Sustainable Living Design’ เฟ้นหาไอเดียออกแบบบ้านสู่ความยั่งยืน
ธัญญ์กวิน บุดดีมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปี บริษัทได้มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ผ่านองค์ความรู้ สินค้าและนวัตกรรม เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค โดยได้เริ่มก่อตั้ง SCG Experience ครั้งแรกในปี 2552 เพื่อเป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้านวัตกรรมของเอสซีจีให้กับเจ้าของบ้าน โดยเน้นเรื่อง Knowledge and Innovation Living Center
จากนั้นดิจิทัลแพลตฟอร์มได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นจึงพัฒนาช่องทางผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในปี 2562 ปรับรูปแบบการทำธุรกิจสู่ Retail Business เต็มตัวและปรับโฉมสู่แฟล็กชิป สโตร์ในปี 2564 ด้วยการเป็นร้านที่มุ่งเน้นเรื่อง Service Solution ให้กับเจ้าของบ้านเพื่อให้การอยู่อาศัยดีขึ้น เป็นจริงได้แบบ Better Living Made Possible ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วยการให้ SCG HOME Experience สามารถดูแลลูกค้าได้ครบทุกความต้องการ ตั้งแต่ ‘คิด-สร้าง-ซ่อม-อยู่’ เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านการอยู่อาศัย
นอกจากนี้ยังมีการเผย 5 เทรนด์บ้านในรูปแบบ Sustainable Living ได้แก่ บ้านเย็น บ้านสมาร์ท บ้านผู้สูงอายุ บ้านกันเสียง และบ้านประหยัดพลังงาน โดยการนำสินค้าในกลุ่ม SCG Green Choice มาใช้ โดยเน้นการลดโลกร้อน ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดทรัพยากร และยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น ช่วยสร้างสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัยและมีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การอยู่อาศัย
อีกทั้งได้จัดทำกระบวนการ Partner Management เพื่อร่วมทำงานกับพาร์ทเนอร์เพื่อให้เกิดเศษวัสดุเหลือใช้ให้น้อยที่สุด เริ่มตั้งแต่การเข้าสำรวจวัดขนาดการติดตั้ง เตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะกับหน้างาน ซึ่งสามารถช่วยลดเศษวัสดุ ลดการเกิดมลพิษทางเสียงและทางอากาศที่หน้างานได้
สำหรับปี 2567 กลุ่มสินค้าและบริการจากเอสซีจียังคงเติบโต โดยมีการแข่งขันค่อนข้างสูงจากผู้ผลิตรายใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดโซลาร์เซลล์ที่เจ้าของบ้านหันมาให้ความสนใจติดตั้งมีค่อนข้างมาก ในขณะที่ SCG Solar Roof Solutions ยังคงได้การตอบรับที่ค่อนข้างดี นอกจากนี้กลุ่มงานต่อเติมและงาน outdoor เช่น การต่อเติมโรงรถ ปรับภูมิทัศน์ภายนอก ยังคงได้รับความนิยมเทียบเท่ากับปีที่แล้ว
“เจ้าของบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเป็นตลาดกลุ่มรีโนเวทและงานต่อเติมที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ทั้งกลุ่มที่มีปัญหาบ้านต้องการแก้ไข กลุ่มที่ต้องการปรับให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมและความต้องการส่วนบุคคล ซึ่งโซลูชันที่เติบโตในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาจะเป็นกลุ่มตลาดผู้สูงอายุ หรืองานภายใน มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน” ธัญญ์กวินกล่าว
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสินค้าที่เจ้าของบ้านให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น เช่น พื้นลดแรงกระแทก พื้นป้องกันเชื้อแบคทีเรีย งานติดตั้งลิฟท์บันได ลิฟท์บ้าน โดยกลุ่มลูกค้านี้เริ่มมีการเตรียมความพร้อมก่อนวัยมากขึ้น ส่วนเจ้าของบ้านที่เป็นครอบครัวที่ไม่มีบุตรและหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทดแทน ก็มองหาวัสดุในการดูแลสัตว์เลี้ยงให้เหมือนลูกมากขึ้น เช่น พื้นกันลื่นภายในบ้าน อุปกรณ์ Gadget ใช้ในการดูแลสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
เจือ คุปติทัฬหิ สถาปนิกอาวุโส Living Experience Designer บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ‘คลินิกหมอบ้าน’ เป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนให้แก่ลูกค้า ด้วยการเป็นที่ปรึกษาเรื่องที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางร้านและออนไลน์ ค้นหาความต้องการของลูกค้าสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดอย่างเข้าใจ พร้อมต่อยอดสู่สินค้าและบริการของเอสซีจีและพาร์ทเนอร์ในรูปแบบ Best Solution ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้ลูกค้ามากถึง 1,800 เคส
“การออกแบบบ้านที่รองรับแนวคิดการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Living House Design Concept เป็นหัวใจสำคัญของสถาปนิกในเครือเอสซีจี เพราะบ้านหรือที่อยู่อาศัยอยู่กับเราไม่ใช่แค่ 1-2 ปี เราจึงเน้นให้คำปรึกษาตั้งแต่การออกแบบที่ถูกต้อง ตรงความต้องการ เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยด้วย Green Consult รวมถึงการนำสินค้าและนวัตกรรมที่เอสซีจีคิดค้นมาใช้เพื่อทำให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน ควบคุมภาพอากาศ หรือแม้กระทั่งการสร้างสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัยร่วมกันแบบ Green Design ซึ่งจะเป็นการเซ็ทมาตรฐานใหม่เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนได้ในอนาคต” เจือ กล่าว
“และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ Green Construction ที่จะเกิดการบริหารร่วมกันของบริษัท พาร์ทเนอร์ ผู้รับเหมา สร้างเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญในการทำบ้านตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมดนี้ไม่เพียงตอบโจทย์แค่ลูกค้าเพื่อความยั่งยืนของที่อยู่อาศัย แต่ตอบโจทย์แนวคิดด้าน ESG ไปพร้อมกันในทุกๆ ส่วน”
นอกจากนี้บริษัทได้ต่อยอดแนวคิดการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดโครงการประกวดแบบบ้าน ‘Sustainable Living Design’ เพื่อสร้างสรรค์การออกแบบบ้านสู่แนวทางแห่งความยั่งยืนด้วยหลักการออกแบบที่ตอบโจทย์ และสามารถส่งต่อให้เจ้าของบ้านที่กำลังมองหาแบบบ้านเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนที่เป็นจริงได้ โดยพร้อมประสานความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินต่างๆเข้าร่วมงาน เพื่อร่วมสร้างแนวทางดังกล่าวไปพร้อมกัน โดยเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา นักเรียน สถาปนิก และบุคคลทั่วไป สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL พลิกโฉม ‘ฟางข้าว’ สู่สตรีทแฟชั่นรักษ์โลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine