ช็อปล้างแค้น เทรนด์ผู้บริโภคที่เน้นการใช้จ่ายอย่างอิสระ - Forbes Thailand

ช็อปล้างแค้น เทรนด์ผู้บริโภคที่เน้นการใช้จ่ายอย่างอิสระ

FORBES THAILAND / ADMIN
09 Aug 2022 | 02:12 PM
READ 931

The 1 ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล เผยข้อมูลจาก The 1 Insight วิเคราะห์เจาะแนวโน้มการใช้จ่ายในยุคหลังโควิด ชี้ ‘ช็อปล้างแค้น’ หรือ Revenge Spending มาแรง เนื่องจากผู้บริโภคโหยหาอิสระในการใช้จ่ายกับสินค้าเพื่อความพึงพอใจมากขึ้น เผย 4 กลุ่มสินค้าหลักที่ตกเป็นเป้า

ล่าสุด The 1 Insight นำเสนอปรากฏการณ์ ‘ช็อปล้างแค้น’ หรือ Revenge Spending โดยเรียกได้ว่าเป็นการทวงคืนอิสระในการจับจ่ายในยุคหลังโควิดเพื่อสร้างความผ่อนคลายและระบายความอัดอั้น ที่สะท้อนให้เห็นได้จากยอดขายที่สูงขึ้นใน 4 กลุ่มสินค้าเพื่อความพึงพอใจ

4 กลุ่มสินค้าเหล่านั้นได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งพบยอดขายเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 51 เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อความเพลิดเพลินใจ อย่างไวน์ ขนม และของหวาน ในขณะที่ยอดขายวัตถุดิบเพื่อการประกอบอาหารและเบเกอรี่ลดลงร้อยละ 14 สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทำอาหารที่บ้านน้อยลง

ส่วนด้านร้านอาหาร พบยอดขายร้านอาหารเติบโตสูงขึ้นร้อยละ 15 และโดดเด่นในกลุ่มร้านอาหารชาบู/ปิ้งย่างที่นิยมทานเป็นกลุ่ม และอาหารญี่ปุ่น/เกาหลีที่มีราคาสูง บ่งชี้ถึงการมอบรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้ตนเองเพื่อสร้างความผ่อนคลาย

นอกจากนี้ สินค้าด้านความงามก็โตไม่แพ้กัน ทั้งนี้ พบว่ายอดขายเครื่องสำอางและน้ำหอมกลับมาเติบโตกว่าร้อยละ 20 ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัวเลขเติบโตสัมพันธ์กับการที่ผู้บริโภคสามารถออกจากบ้านและพบปะผู้คนได้มากขึ้น การแต่งหน้า-ฉีดน้ำหอมจึงเป็นการใช้จ่ายเพื่อความเพลิดเพลินอย่างแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง

กลุ่มสินค้าสุดท้ายคือการออกกำลังกาย โดยเมื่อผู้คนไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเพียงแค่ที่บ้าน แต่สามารถออกจากบ้านรวมถึงการออกกำลังกายเป็นกลุ่มได้ จึงไม่แปลกที่ยอดขายเสื้อผ้ากีฬาจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 25 ส่วนทางกับยอดขายอุปกรณ์ออกกำลังกายที่เติบโตในช่วงโควิดกลับปรับตัวลดลงร้อยละ 22

อีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจสำหรับปรากฏการณ์ ‘ช็อปล้างแค้น’ หรือ Revenge Spending ในรอบนี้คือ ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ เนื่องจากกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกจับจ่ายมากขึ้นนั้นเป็นในกลุ่มสินค้าเพื่อความพึงพอใจในราคาที่เข้าถึงได้ มากกว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ

ซึ่งไม่น่าแปลกใจด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มไม่สู้ดีและสภาวะเงินเฟ้อ จึงเป็นเหตุให้ผู้คนใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อสร้างความผ่อนคลายในงบประมาณที่สามารถจ่ายได้โดยไม่กระทบกับทรัพย์สินจำนวนมากเกินไปนัก นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าปรากฏการณ์ Revenge Spending นั่นมักเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ลดความอัดอั้นสำหรับตัวผู้บริโภคเอง รวมถึงมักเกิดขึ้นในกลุ่มสินค้าบางกลุ่มเท่านั้น จึงไม่สามารถบ่งชี้ถึงทิศทางเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งต้องอาศัยการฟื้นตัวในหลายแง่มุมได้

อย่างไรก็ตาม การช็อปปิ้งออนไลน์ ยังคงเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน และอัตราการเติบโตยิ่งสูงขึ้นในช่วงโควิด-19 ทั้งในแง่ของยอดขายและจำนวนผู้ใช้ โดยยอดขายเติบโตกว่า 2 เท่า และยอดผู้เข้าชมสินค้าสูงขึ้นกว่า 3 เท่าตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 - พฤษภาคม 2022

อีกทั้ง ยังพบว่าผู้บริโภคกว่าร้อยละ 36 ยังคงพฤติกรรมการช็อปปิ้งออนไลน์ในยอดคงที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะกลับไปจับจ่ายที่หน้าร้านมากขึ้นด้วย อาจสรุปได้ดังเช่นที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเห็นตรงกันว่า การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel คือเรื่องที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความใส่ใจในปัจจุบัน เพราะมีผลอย่างยิ่งกับความอยู่รอดของแบรนด์ในระยะยาว

ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออฟไลน์หน้าร้าน ช่องทางออนไลน์ อย่าง แอปพลิเคชันอี-คอมเมิร์ซ และ เว็บไซต์ รจนไปถึง Social Commerce และช่องทางการขายใหม่ๆ อย่าง Chat & Shop, Call & Shop และ Personal Shopper กล่าวคือ แบรนด์ไม่อาจให้ความสำคัญกับเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งอีกต่อไป แต่ควรมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างไร้รอยต่อให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง

อ่านเพิ่มเติม: กสิกรไทย รุกธุรกิจธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine