‘ปิยธิดา บำรุงรักษ์’ แห่งเดอะนา ธุรกิจที่สร้างจากความจริงใจและการฟังเสียงของลูกค้า
น้อยคนนักที่จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการมองเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนและลงมือทำ เฉกเช่นเดียวกับ ‘ปิยธิดา บำรุงรักษ์’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะนา ไทยแลนด์ จำกัด ที่เริ่มเห็นโอกาสในธุรกิจสุขภาพและความงามตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่นและมุ่งมั่นในเส้นทางนี้มาโดยตลอด ด้วยแนวคิดแบบ “กล้าทุ่ม กล้าทำ” บวกกับความจริงใจและคอยฟังเสียงจากลูกค้าอยู่ตลอดเวลา สร้างเป็นฐานธุรกิจที่มั่นคงให้กับเดอะนา
“ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้ว เรามองเห็นโอกาสธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของคนซึ่งมีอยู่ตลอดทุกช่วงวัยของชีวิต สุขภาพที่ดี ความสวย ความงาม เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสุขให้กับผู้คนและเรารู้สึกหลงใหล รู้สึกมีความสุขไปกับมันที่ทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น” ปิยธิดาเล่าถึงแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นธุรกิจของเดอะนา
ด้วยความที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพประกอบกับตัวเองก็มีปัญหาเรื่องลำไส้ การค้นหาผลิตภัณฑ์เพื่อมาแก้ปัญหาเหล่านี้จึงเริ่มต้นขึ้น ปิยธิดาใช้เวลาศึกษา ค้นคว้า และค้นหานวัฒตกรรมที่ดีที่สุดจากทั่วโลกเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพในเชิงลึกที่ได้จากการคอยรับฟังเสียงฟีดแบคจากผู้บริโภค การรับฟังปัญหาจะช่วยให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้า เสียงของลูกค้าจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจที่กว้างและลึกขึ้น นี่คือหลักการที่เดอะนายึดมั่นมาโดยตลอด
โควิดสร้างจุดเปลี่ยนทางธุรกิจ
ปิยธิดาเริ่มต้นธุรกิจเดอะนาด้วยการเลือกช่องทางจำหน่ายผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นที่ธุรกิจโซเชียลมีเดียยังไม่บูมเหมือนทุกวันนี้ ต้องใช้การพูดคุยผ่านคอมมูนิตี้เว็บบอร์ดต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นช่องทางที่เข้าถึงลูกค้าโดยตรงแล้ว ยังได้รับฟังเสียงของลูกค้าถึงปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ ที่ทำให้บริษัทนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และทำให้เดอะนาเป็นบริษัทที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง
“ช่วงโควิดถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เราเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะคนหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น ตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพเปลี่ยนจากการทานเพื่อรักษาไปสู่การทานเพื่อป้องกันมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่เดอะนาพยายามสื่อสารมาโดยตลอด และด้วยความที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานจึงมองเห็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการออกผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ให้สอดรับกับความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ทำให้เราอยู่ในการนึกถึงของลูกค้าได้ตลอด ผู้ประกอบการบางรายที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันก็ต้องออกจากตลาดนั้นไป”
ปิยธิดากล่าวว่า ช่วงโควิดบริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นหลายเท่าเพราะผู้คนเริ่มรู้แล้วว่าการป้องกันดูแลสุขภาพสูญเสียน้อยกว่าการมาคอยรักษา ทุกคนมีการค้นคว้า หาข้อมูล ผู้บริโภคทุกวันนี้ฉลาดขึ้นเรายิ่งต้องทำการบ้านหนักขึ้น ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์เดอะนาจะตอบโจทย์ความต้องการเรื่องสุขภาพของลูกค้าในเชิงลึกทั้งปัญหาเรื่องสิว ผิว ลำไส้ และระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเราต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญ ความจริงใจและความซื่อสัตย์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภค และกล้าที่จะลงทุนเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ออกมาดีที่สุด
อย่างผลิตภัณฑ์ PROBALANCE เป็นผลิตภัณฑ์ที่เดอะนาซุ่มพัฒนามากว่า 5 ปี ตั้งแต่คนยังไม่ตื่นตัวเรื่องโพรไบโอติก โดยเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเจลลี่จุลินทรีย์ที่ดีที่สุดจากประเทศญี่ปุ่นที่สามารถกินได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่โดยใช้งบลงทุน 29 ล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนาสูตรก่อนนำออกสู่ตลาดและผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเดอะนาจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ตลาดในประเทศแต่ยังรวมถึงการขยายธุรกิจออกไปยังต่างประเทศด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายผลิตภัณฑ์ PROBALANCE เกิน 1 ล้านกล่องภายใน 1 ปี
“เรายอมที่จะทำของยากเพื่อสร้างจุดแข็งให้กับผลิตภัณฑ์ และสร้างความแตกต่างจากของที่มีอยู่ในตลาด ต้องยอมรับว่าตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทมีการแข่งขันสูงมาก เพราะฉะนั้นแบรนด์ของเราต้องแข็งแกร่ง” ปิยธิดากล่าว
สร้างโอกาสธุรกิจให้คนรุ่นใหม่
ด้วยความที่เริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ปิยธิดาจึงอยากให้เดอะนาเป็นแบรนด์ที่สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งโมเดลธุรกิจของเดอะนาจะมีทั้งแบบ B2C และ B2B ซึ่งธุรกิจ B2B บริษัทจะวางระบบทุกอย่างทั้งหน้าร้าน ผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด รวมไปจนถึงระบบซีอาร์เอ็มต่างๆ ปัจจุบันเดอะนามีตัวแทนจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 700 คน และมีพนักงานกว่า 50 คนที่คอยทำงานประสานกัน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรและบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาทีมงานและตัวแทนเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอยู่ตลอดเวลา
ปิยธิดามีแนวคิดที่จะพัฒนาพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของเดอะนาให้เป็น “ซิลิคอน วัลเล่ย์” สำหรับคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาแสดงความสามารถ เข้ามาเรียนรู้การทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ การเรียนรู้ช่องทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างอีคอมเมิร์ซและช่องทางการตลาดแบบดิจิทัล ซึ่งทุกวันนี้มีช่องทางหลากหลายมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก โดยเดอะนาพร้อมจะแชร์ประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ รวมทั้งจะสร้างให้เป็นศูนย์ Wellness เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดี ที่พร้อมจะเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจโดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ เดอะนาคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ราว 15 รายการซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละตัวได้พัฒนาในเชิงลึกจากฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาลที่เก็บมาตลอด 10 ปี เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพให้กับผู้บริโภค และพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่จะสามารถใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เดิมได้จึงทำให้สินค้าของเดอะนาอยู่ในตลาดได้นานด้วยคุณภาพและการยอมรับจากลูกค้าที่เป็นผู้ใช้จริง รวมทั้งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ทุกช่วงวัย
ความที่เป็นคนกล้าทุ่ม กล้าทำ จากการวางเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจนจึงไม่มีอะไรที่ปิยธิดาทำไม่ได้ โดยเป้าหมายต่อไปของเดอะนาคือการเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะอยู่กับชีวิตของลูกค้าในทุกช่วงวัยและมีอยู่ทุกบ้าน ให้ทุกคนได้มีโอกาสบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและคุณภาพระดับโลกในราคาที่จับต้องได้
“เมื่อเราเห็นโอกาส มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีโจทย์แล้วก็ต้องหาวิธีและหากลยุทธ์ที่จะไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ทั้งการพัฒนาสินค้าและการหาแพลตฟอร์มที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ที่สำคัญต้องปรับตัวให้ไวเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” และนี่คือ ปิยธิดา หรือ เกรซ เดอะนา ที่มุ่งมั่นสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงและพร้อมแล้วกับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต