มิสทิน แบรนด์เครื่องสำอางอันดับหนึ่งของประเทศไทย บุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และตลาดใหญ่อย่างจีนและรัสเซีย ชูคุณภาพสินค้าเจาะฐานลูกค้าต่างชาติ มั่นใจตลาดจีนดันยอดขายต่างประเทศโตอีกกว่าเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังบุกแดนมังกรเพียง 6 ปีทำยอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้
ดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องสำอาง มิสทิน (MISTINE) กล่าวว่า บริษัทยังคงบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในการสร้างการเติบโตด้วยการกระจายธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางไปยังต่างประเทศที่บริษัทได้เริ่มเมื่อ 12 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
มิสทินเป็นเครื่องสำอางของคนไทยที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายอันดับหนึ่ง เราอยู่ในตลาดประเทศไทยมา 35 ปี มิติถัดไปของการทำธุรกิจคือการทำให้ธุรกิจสามารถกระจายออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ โดยมีเป้าหมายผลักดันเครื่องสำอางไทยให้โลดแล่นอยู่ในตลาดโลก โดยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราเริ่มบุกตลาดประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับการส่งออกสินค้าไทย ปัจจุบันเรามียอดขายเติบโตขึ้น โดยคาดว่าตลาดจีนจะสามารถสร้างยอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาทได้ในปีนี้”
ปัจจัยหลักที่สร้างการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงามของไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในระดับภูมิภาคเอเชีย ผลิตภัณฑ์ของไทยเป็นรองเพียงผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นและเกาหลีเท่านั้น ด้วยความนิยมและความเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ของคนไทย ซึ่งมีคุณภาพเยี่ยมในอันดับต้นๆ รวมทั้งมิสทินเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมากว่า 30 ปี เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของไทย ทำให้เกิดความเชื่อถือและผู้บริโกคให้การยอมรับ
สำหรับสินค้าที่ขายดีอันดับหนึ่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มิสทินประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงที่ผ่านมา คือ ผลิตภัณฑ์กันแดด โดยเป็นอันดับหนึ่งทั้งยอดขายและจำนวนชิ้นที่จำหน่าย ล่าสุด ทีมอลล์ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ยอดนิยมของจีนในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป ได้จัดอันดับให้ผลิตภัณฑ์กันแดดของมิสทินเป็นอันดับหนึ่งในด้านยอดขาย ซึ่งแซงหน้าแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังระดับโลกหลายแบรนด์จากยุโรป
ลูกค้าในประเทศจีนให้การสนับสนุนแบรนด์มิสทิน เนื่องจากมั่นใจในคุณภาพของสินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิสทิน ซึ่งเรายังคงให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์หรือการทำให้ผู้บริโภครับรู้ข่าวสารและรู้จักแบรนด์ เป็นการสร้างมูลค่าในตัวสินค้าผ่านการสื่อสารกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพราะการสร้างแบรนด์เป็นการทำให้ธุรกิจยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ เราจะสร้างการรับรู้ในมุมของการเป็นสินค้าของคนไทย ซึ่งในสายตาของผู้บริโภคทั้งในจีนและประเทศเพื่อนบ้านต่างมองว่า สินค้าไทยเป็นสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ”
ปัจจุบัน มิสทินจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มประเทศที่บริษัทเป็นผู้ส่งออก และกลุ่มประเทศที่บริษัทอนุญาตให้ผลิตสินค้านอกประเทศไทย เช่น จีนและเกาหลี โดยในปีนี้คาดว่า ยอดขายจากตลาดต่างประเทศจะเติบโตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนที่คาดว่า จะสามารถสร้างยอดขายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2565 โดยเกือบ 100% ของยอดขายในประเทศจีนมาจากแพลตฟอร์มดิจิทัล และตั้งเป้ายอดขายจากประเทศจีนจะเติบโตอีกเท่าตัวใน 3-5 ปีข้างหน้า
เรามองตลาดต่างประเทศอีกหลายภูมิภาคที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก และประเทศแถบอาหรับ ซึ่งเป็นตลาดที่คึกคักและผู้บริโภคนิยมชมชอบสินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงาม และอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เรายังไม่ได้เข้าไป ก็เป็นอีกก้าวต่อไปของเรา”
ดนัย กล่าวเสริมว่า รัสเซียเป็นตลาดใหม่ และด้วยระยะทางการเดินทางน่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ท้าทาย เพราะการส่งสินค้าจากไทยไปรัสเซีย ปัจจุบันเป็นไปได้ยากพอสมควร เนื่องจากมีการคว่ำบาตรจากหลายประเทศทำให้เส้นทางการเดินทางด้วยเรือไม่สามารถเดินทางไปได้เหมือนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม รัสเซียถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากการคว่ำบาตรของประเทศตะวันตกทำให้สินค้าจากประเทศตะวันตกหลายรายการยกเลิกการจัดจำหน่ายในรัสเซีย ทำให้สินค้าของไทยได้รับความสนใจมากขึ้น
สำหรับสินค้าที่ขายดีในรัสเซีย คือ สินค้ากลุ่มสมุนไพรของไทย ซึ่งมิสทินมีกลุ่มคอลเลคชั่นสมุนไพรของมิสทิน ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรไทยต่างๆ ที่เป็นที่นิยม และล่าสุดฟ้าทะลายโจรเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่รัสเซียรู้จักและต้องการมาก ซึ่งบริษัทจะต้องทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้สินค้าแบรนด์มิสทินในรัสเซีย และการบุกตลาดรัสเซียมากขึ้นและเพิ่มช่องทางการขายในรัสเซียจะเป็นศักยภาพที่ทำให้ตลาดรัสเซียมีสัดส่วนยอดขายที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะในอนาคต
ด้าน Mr.Evgenii Shcheglenko Director (Owner) Inencom Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและนำเข้าเครื่องสำอางในประเทศรัสเซีย กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมงานกับบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) มากว่า 3 ปี ซึ่งเบทเตอร์เวย์เป็นพันธมิตรที่ดี เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานและประสบความสำเร็จในตลาดเครื่องสำอาง โดยมิสทินเป็นแบรนด์เครื่องสำอางอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง น่าเชื่อถือ และยังได้รับความนิยมในประเทศรัสเซีย โดยมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
“สินค้าของมิสทินเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มชาวรัสเซีย แต่ละปีที่คนรัสเซียมาเที่ยวประเทศไทย และได้เห็นโฆษณามิสทินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต่างก็รู้จักและซื้อผลิตภัณฑ์มิสทินเข้ามาใช้ และเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซียทำให้แบรนด์เครื่องสำอางจากยุโรปและสหรัฐออกจากตลาดรัสเซีย จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ผลิตเครื่องสำอางจากไทยเข้ามาทำตลาดในรัสเซีย ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของมิสทิน”
Mr.Evgenii กล่าวเสริมว่า กลุ่มผู้บริโภคในตลาดเครื่องสำอางในรัสเซียส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุ 25-50 ปี ซึ่งมองหาผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางสำหรับดูแลเส้นผมและดูแลผิวที่มีคุณภาพดี ซึ่งแบรนด์มิสทินเป็นแบรนด์ยอดนิยมของกลุ่มลูกค้าชาวรัสเซียกลุ่มนี้ โดยสินค้าของมิสทินที่ขายดีในรัสเซีย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงเส้นผม แชมพู ทรีทเมนต์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ครีมบำรุงผิวและครีมกันแดด
ภายในปีหน้า เราวางแผนที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าแบรนด์มิสทินเป็นขนาด 1 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน จากเดิมที่เป็นการทยอยสั่งซื้อและนำเข้า โดยบริษัทได้จัดจำหน่ายสินค้ามิสทินในเชนซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ โดยใน 5 ปีข้างหน้า เราจะนำสินค้ามิสทินอีกหลายรายการเข้ามาวางจำหน่ายมากขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้ามิสทินได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยวางเป้าหมายให้มิสทินเป็นแบรนด์เอเชียอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องสำอางรัสเซีย ปัจจุบันบริษัทได้วางจำหน่ายมิสทินในอีมาร์เก็ตเพลส ทั้ง Lazada และ Shopee รวมทั้งจำหน่ายให้กับตัวแทนจำหน่ายที่เป็นร้านค้ากว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ” Mr.Evgenii กล่าว
ดนัย กล่าวปิดท้ายว่า บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการศึกษาวิจัยส่วนผสมใหม่ๆ เช่น สมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และให้ธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว