วิธีการเช็กเอาท์ หรือการชำระเงินออนไลน์นั้นกำลังเปลี่ยนไป ท่ามกลางจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโรคระบาดโควิด-19 นั้น เกิดการล็อกดาวน์ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ย่อมส่งผลทำให้คนส่วนใหญ่นั้นได้หันมาใช้ระบบ E-Commerce ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของหรือใช้บริการออนไลน์พร้อมกับระบบการชำระเงินในรูปแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายตอบสนองไลฟ์สไตล์
จากรายงานของ JP Morgan E-commerce Payment Trends Report พบว่าปัจจุบันตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเติบโตของระบบ E-Commerce เป็นไปอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงปี 2566 ในระดับที่สูงถึง 18.6% ต่อปี แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไป คือ รูปแบบการชำระเงิน เช่น การชำระเงินผ่านบริการบัตรเดบิต บัตรเครดิต e-wallets การโอนเงินผ่านธนาคารหรือการชำระเงินปลายทางด้วยเงินสด
ตลาด E-Commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นยังถือว่าอยู่ในระดับการเติบโตขั้นต้นเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าประชากรส่วนใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าวได้เข้าสู่โลก E-Commerce แล้ว แต่คนส่วนใหญ่นั้นยังไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับทุกการใช้จ่ายดำเนินชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยในโลก offline เช่น บุคคลหนึ่งอาจจะเคยสั่งอาหารผ่านระบบ E-Commerce แล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้าและบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การซื้อเสื้อผ้าหรือการสั่งซื้อดอกไม้ผ่านช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า เหตุผลที่ผู้บริโภคนั้นยังเปลี่ยนพฤติกรรมนี้มาใช้จ่ายออนไลน์มากขึ้นนั้นเพราะประสบการณ์ที่ยังคงมี friction หรือความลำบากอยู่มาก จากการเลือกสินค้าไปถึงการจัดส่ง แต่สิ่งหนึ่งที่มี friction สูงนั้นคือขั้นตอนการเช็กเอาท์ออนไลน์ที่มักไม่สะดวกเท่าการรูดบัตร การที่จะต้องสร้างบัญชี กรอกแบบฟอร์ม ทำการชำระเงินผ่านหลายขั้นตอน ย่อมชะลอการความเร็วการเติบโตของ E-Commerce โดยรวม
วิน (ชัยชนะ) วารีเกษม ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร Beam กล่าวว่า “เราใช้วิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของเรา แต่เมื่อเราต้องชำระเงินออนไลน์ ไม่มีวิธีใดที่ราบรื่นเท่ากับประสบการณ์ออฟไลน์ที่เป็นเพียงแค่การรูดบัตร แตะบัตร หรือสแกน QR ด้วยมือถือ”
บัตรเครดิตและระบบการโอนเงินนั้นเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์สูงมาก แต่ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อ E-Commerce แต่นำไปใช้ใน E-Commerce เป็นอย่างมาก Friction ที่มีอยู่นั้นได้ส่งผลทำให้นักชอปแต่ไม่สามารถใช้บริการ E-Commerce ได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร
“เราจึงต้องการโซลูชันเพื่อตอบสนอง E-Commerce ยุคใหม่ ให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ผ่านโซเชียลหรือเว็บไซต์ด้ด้วยระบบ One-Click Checkout ภายในแค่หนึ่งคลิก"
“ผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์นั้นก็ได้หันมาหาวิธีการขายสินค้าและบริการตรงกับผู้บริโภค direct-to-consumer (D2C) ที่ส่งผลบวกทำให้สามารถรักษาผลกำไรและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
Beam มีการทำการศึกษาทุกคลิกในวิธีการเช็กเอาท์ออนไลน์เดิมมาคิดใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีสุดสำหรับการชอป บนทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งบนโซเชียลและเว็บไซต์ ด้วย One-Click Checkout โดยการร่วมมือกับ Payment Service Providers ชั้นนำของโลก โดยตั้งใจที่จะช่วยอำนวยความสะดวกนักชอปและร้านค้า พร้อมช่วยขับเคลื่อนตลาด E-commerce อย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า
ระบบการชำระเงินกำลังก้าวไปสู่การเป็นสาธารณูปโภคอย่างหนึ่ง คล้ายกับระบบไฟฟ้า น้ำประปา หรือระบบโทรศัพท์ โดยหากว่าเราจะเพิ่มการใช้งานอย่างก้าวกระโดดนั้น เราจำเป็นจะต้องลด friction และขั้นตอนต่างๆ ให้นักชอปใช้งานได้ง่ายอย่าง One-Click Checkout เปรียบเสมือนสมัยที่มีนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือใหม่ที่ลด friction ลงและได้กระตุ้นการโทรเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโทรศัพท์บ้านในยุคอดีต
Beam กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการชอปออนไลน์ด้วยระบบ One-Click Checkout โดยคุณวินร่วมก่อตั้งกับคุณณัฐภัทร ไชยมโนวงศ์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี คุณชินกฤต เปี่ยมชล ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และเป็น Startup ที่ได้รับการสนับสนุนจาก คุณธีรพงศ์ จันศิริ นักธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย เป็นผู้ร่วมการระดมทุนเมื่อกลางปี 2021 ที่ผ่านมาในรอบ Pre-seed round
ในขณะนี้ทาง Beam ได้เปิดให้ผู้ค้าขายออนไลน์สามารถลงทะเบียนได้ในไม่กี่นาทีในสิงคโปร์และไทย ผ่านเว็บไซต์
www.beamcheckout.com
