นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา หลังจากองค์กรศิลปะการต่อสู้รายใหญ่ระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ (ONE) ได้ขยายฐานทัพมาจัดศึก ONE ลุมพินี ที่สนามมวยเวทีลุมพินี ประเทศไทย เป็นประจำช่วงค่ำทุกวันศุกร์ ทำให้เกิดการปลุกกระแสมวยไทยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่คนเจนใหม่ที่ไม่เคยคิดเข้าสนามมวย หรือคนรุ่นเก๋าที่อาจจะเลิกดูมวยไปแล้ว ต่างก็หันมาให้ความสนใจมวยไทยมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่เพียงเท่านั้น การสตรีมมิง (ถ่ายทอดสด) รายการ ONE ลุมพินี (ทุกวันศุกร์) รวมถึง ONE Fight Night (ทุกเดือน) ซึ่งเป็นการจัดแข่งขันศิลปะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบทั้ง มวยไทย คิกบ็อกซิ่ง และ MMA ล้วนเป็นที่ถูกอกถูกใจของแฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยพิจารณาจากฐานแฟนคลับของ ONE ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในสื่อโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นสื่อโทรทัศน์ และแพลตฟอร์มสตรีมมิงรายใหญ่ของโลกต่างก็เลือกที่นำรายการของ ONE ไปเผยแพร่ให้แก่สมาชิกที่ตนมีอยู่ในมือได้รับชม
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือแพลตฟอร์มยักษ์สัญชาติอเมริกัน Prime video (ไพร์มวิดีโอ) ซึ่งถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มแพลตฟอร์มที่มีการสตรีมมิงรายการกีฬาการต่อสู้ ด้วยฐานสมาชิกที่มีมากถึง 200 ล้านแอ็กเคานต์ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ ONE เริ่มถ่ายทอดสดรายการ ONE Fight Night นัดแรก ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.65 เป็นต้นมาจนปัจจุบัน
ทางฝั่งประเทศจีนซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่ของโลก มีสองแพลตฟอร์มยักษ์ที่ติดอันดับ 2 และ 3 ในกลุ่มแพลตฟอร์มที่มีการสตรีมมิงรายการกีฬาการต่อสู้ ได้แก่ค่าย Tencent (เทนเซนต์) และ iQIYI (อ้ายฉีอี้) ซึ่งมีฐานสมาชิกทั่วโลก 124 ล้านแอ็กเคานต์ และ 108 ล้านแอ็กเคานต์ ก็เป็นพันธมิตรกับ ONE
นอกจากนั้นยังมีแพลตฟอร์มใหญ่อีกหลายค่าย อาทิ ABEMA (อะเบมา) จากญี่ปุ่น, beIN Sports (บีอิน สปอร์ตส) จากกาตาร์, Disney+ Hotstar (ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์) จากอินเดีย, Globoplay (โกลโบเพลย์) จากโปรตุเกส ซึ่งติดอันดับ 4-7 ในกลุ่มแพลตฟอร์มที่มีการสตรีมมิงรายการกีฬาต่อสู้ โดยทั้งหมดมีฐานสมาชิกรวมกัน 218 ล้านแอ็กเคานต์ ล้วนแล้วแต่จับมือเป็นพันธมิตรกับ ONE เช่นกัน
จากข้อมูลอ้างอิงดังกล่าวจะเห็นว่า การที่ ONE จับมือกับแพลตฟอร์มสตรีมมิงกีฬาการต่อสู้ยักษ์ใหญ่หลายค่ายระดับท็อป 10 ของโลก ทำให้ปัจจุบัน ONE มีศักยภาพเข้าถึงกลุ่มผู้ชมทั่วโลกได้สูงถึง 650 ล้านแอ็กเคานต์ ซึ่งมาจากฐานสมาชิกของแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยยังไม่รวมกับกลุ่มผู้ชมที่มาจากสื่อพันธมิตรอื่น ๆ อันเป็นผลดีต่อกีฬามวยไทย นักมวยไทย ค่ายมวยไทย ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงบรรดาธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน ล้วนจะได้รับผลดีจากการที่มวยไทยขยายปีกไปถึงผู้ชมมหาศาลทั่วโลก
ที่สำคัญการที่ ONE รุกหนักในการผลักดันมวยไทยนี้ ทำให้เกิดการแข่งขันจากผู้ประกอบการประเภทเดียวกัน โดยต่างก็พยายามพัฒนารูปแบบรายการ สถานที่จัดการแข่งขัน รายได้และรางวัลนักกีฬาเพื่อให้เกิดการจูงใจ ไปจนถึงความพยายามที่จะนำรายการไปเผยแพร่สู่ผู้ชมต่างประเทศเช่นกัน อย่างเมื่อไม่นานมานี้รายการ RWS ซึ่งเป็นโปรโมชันจัดการแข่งขันมวยไทย ได้จับมือกับค่ายสตรีมมิงสัญชาติอังกฤษอย่าง DAZN (ดะโซน) ซึ่งมีฐานสมาชิก 15 ล้านแอ็กเคานต์ เชื่อว่านี่เป็นแนวโน้มที่ดีของกีฬามวยไทย หากกลุ่มผู้ประกอบการช่วยกันคนละไม้คนละมือพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อผลักดันกีฬามวยไทยให้มีภาพลักษณ์ที่โปร่งใส ยุติธรรม และคงความเป็นศิลปะการต่อสู้ที่งดงามในสายตาผู้ชมทั่วโลกได้
ข้อมูลอ้างอิงจาก Nielsen และ FlixPatrol
อ่านเพิ่มเติม :
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine