ถ้าใครชอบเดินซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติญี่ปุ่นอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเครื่องดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ โพคารี่สเวท มาบ้าง เพราะโพคารี่สเวทเริ่มวางขายในไทยมาตั้งแต่ปี 2541 ผ่านคู่ค้าพันธมิตรผู้นำเข้ามาจำหน่าย
หลังจากขายแบบเงียบๆ มา 19 ปี ปีนี้บริษัทแม่ของโพคารี่สเวท คือ บริษัท โอซูก้า ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ตัดสินใจตั้งบริษัทลูกที่ไทยเพื่อรุกหนักทำการตลาดให้กว้างขึ้น ผ่านบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นคือ โอซูก้าฯ ประเทศญี่ปุ่น 90% , บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด 5% และเครือสหพัฒนพิบูล 5%
โดย ทาคายูกิ คูชิดะ ประธานบริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด ท้าวความให้ฟังก่อนว่า โอซูก้าฯ ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี 2464 เริ่มจากเป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์ก่อนจะขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างในปัจจุบัน
ส่วนในตลาดไทย โอซูก้าฯ ประเทศญี่ปุ่น มีการขยายธุรกิจเข้ามานานตั้งแต่ปี 2516 แต่มาในกลุ่มสินค้ายาและเวชภัณฑ์ผ่านบริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด มีสินค้าหลักคือน้ำเกลือที่ใช้ในทางการแพทย์ และยังคงเป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ ในตลาดน้ำเกลือสำหรับโรงพยาบาล
ปัจจุบันเมื่อต้องการจะรุกตลาดในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทใหม่เพื่อบริหารงานแยกจากกัน เริ่มต้นนำเข้าสินค้าแรกคือ เครื่องดื่ม โพคารี่สเวท อันเป็นสินค้าขายดีอันดับ 2 ในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ของญี่ปุ่น และมีการส่งออกขายกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม ประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง
และจะเปิดช่องทางจำหน่ายใหม่ ครอบคลุมร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ไทยผ่านผู้แทนจำหน่ายคือเครือสหพัฒนพิบูล ด้านซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นจะยังคงจำหน่ายผ่านผู้แทนบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นคู่ค้าแต่ดั้งเดิม
ทาคายูกิกล่าวว่า
โอซูก้าฯตัดสินใจที่จะบุกตลาดไทยด้วยตนเอง เนื่องจากเห็นว่าคนไทยมีกระแสใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น จึงน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีในอนาคต แม้ว่าตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ไทยจะค่อนข้างทรงตัวในปีนี้จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาก็ตาม โดยครึ่งปีแรก 2560 ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ประเทศไทยมีมูลค่า 2,173 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์โพคารี่สเวท จะวางตำแหน่งในตลาดเป็นสินค้าระดับบน ด้วยราคา 30 บาท/ขนาด 500 มล. และ 25 บาท/ขนาด 350 มล. เจาะกลุ่มหนุ่มสาวออฟฟิศวัย 25-44 ปี และคนรักการออกกำลังกาย โดยจะพยายามสื่อสารแบรนด์ในลักษณะเครื่องดื่มที่ดื่มได้ทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่ช่วงออกกำลังกายเท่านั้น รวมถึงจุดขายที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นคือการเป็นสินค้าจากบริษัทยาที่เชื่อถือได้ในแง่คุณภาพ สามารถทดแทนการเสียเหงื่อได้ดี และไม่ใส่สารสังเคราะห์และสารกันบูดซึ่งดีต่อสุขภาพ
ทาคายูกิกล่าวว่า ปี 2560 นี้บริษัทมีงบการตลาด 100 ล้านบาท เน้นการใช้สื่อการตลาดดิจิทัลเป็นหลัก โดยคาดหวังว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 50 ล้านขวดต่อปีภายในปี 2570 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานตลาดเพียงพอในการก่อสร้างโรงงานผลิตในไทย จากปัจจุบันเป็นการนำเข้าจากโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซียทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีแผนนำสินค้าอื่นๆ ที่เป็นอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพจากญี่ปุ่นของโอซูก้าฯ เข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยในญี่ปุ่น โอซูก้าฯ มีสินค้านับพันรายการในกลุ่มสินค้าต่างๆ เช่น เครื่องดื่มผสมวิตามิน เครื่องดื่มอัดลม น้ำแร่ นมถั่วเหลือง แกงกะหรี่ ธัญพืชอัดแท่ง เป็นต้น
Forbes in Details
- ทั้งนี้ เกเตอเรด อีกหนึ่งผู้เล่นในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่เคยให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ปี 2559 มีมูลค่าประมาณ 5,300 ล้านบาท โดยมีผู้เล่นหลักคือ สปอนเซอร์ ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80%
- ส่วนผู้เล่นในกลุ่มพรีเมียมของตลาดนี้มีไม่มากนัก จะมีแบรนด์ที่เข้ามาชิงมาร์เก็ตแชร์ เช่น ทิปโก้พลัส, โพคารี่ สเวท, เกเตอเรด ซึ่งตั้งราคาขาย 25-30 บาทต่อขวดขนาด 500 มล.