อีฟแอนด์บอย โตสวนกระแส ทุ่ม 500 ล้านขยายสาขาปรับลุคใหม่ - Forbes Thailand

อีฟแอนด์บอย โตสวนกระแส ทุ่ม 500 ล้านขยายสาขาปรับลุคใหม่

ปัจจัยลบรอบด้านไม่สะเทือนยอดขาย “อีฟแอนด์บอย” พอร์ตสวยกว่า 3 พันล้านบาท โตต่อเนื่องทุกสถานการณ์ มั่นใจลงทุน 500 ล้านบาทขยายสาขาและแปลงโฉมร้านใหม่ เล็งเพิ่มสาขาเป็นเท่าตัวในปี 2565 พร้อมเดินหน้าย้ำภาพลักษณ์ผู้นำบิวตี้สโตร์ ด้วยการแจกรางวัลสินค้ายอดขายสูงสุดครั้งแรกในไทย

ร้านสะดวกซื้อบิวตี้ไอเทมที่ปฏิวัติวงการค้าปลีกเครื่องสำอางและอุปกรณ์ความสวยความงาม ด้วยการยกระดับมัลติแบรนด์สโตร์สัญชาติไทยเทียบต่างประเทศที่เข้ามาเปิดในประเทศไทย ซึ่งเริ่มต้นชิมลางตลาดจากตึกแถวติดร้านโชห่วย กิจการของครอบครัวที่มหาสารคามในปี 2548 ก่อนจะขยายสาขาไปยังขอนแก่น และพกพาความมั่นใจนำโมเดลธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์ความสำเร็จรุกสู่มหานคร พร้อมสร้างกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ทันทีที่ "อีฟแอนด์บอย" เปิดสาขาที่สยามสแควร์ซอย 1 ในปี 2555

หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในปัจจุบันหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงหรือปัจจัยลบรอบด้าน แต่อีฟแอนด์บอยยังมียอดขายที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้ปีล่าสุดเพิ่มขึ้น 19% จากผลิตภัณฑ์จำหน่ายมากกว่า 1,000 แบรนด์ ใน 11 สาขา นำโดยผลิตภัณฑ์เมคอัพ 48% บำรุงผิว 35% น้ำหอม 6%

“หลายคนอาจจะกังวลกับสถานการณ์ แต่ลูกค้าหลักของเราเป็นคนไทย เรายังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบช่วงนี้ รวมถึงอีฟแอนด์บอยยังมีจำนวนสาขาไม่มาก ถ้าเปรียบเทียบกับค้าปลีกรายอื่น เรายังมีขนาดเล็กและมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งในอดีตก็เคยเผชิญกับหลายสถานการณ์ที่น่ากังวลและเราได้รับผลกระทบเต็มๆ เช่น ม็อบปิดสยาม แต่เราก็ยังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และยอดขายเติบโตต่อเนื่องมาตลอด” หิรัญกล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุรายได้รวม 2.8 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 581 ล้านบาทในปี 2561

คอนเซปท์ใหม่ของอีฟแอนด์บอยสาขาใหม่

จากโอกาสและช่องว่างทางธุรกิจที่เล็งเห็น หิรัญเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาทในการขยายสาขาเพิ่ม 3 สาขา โดยสาขาแรกของปีนี้จะเปิดที่สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต พื้นที่ประมาณ 580 ตารางเมตร ในคอนเซปท์ใหม่ ซึ่งบริษัทวางแผนทยอยปรับโฉมสาขาเดิมและขยายสาขาจำนวน 22 สาขาภายในปี 2565 รวมถึงการเปิดจำหน่ายใน E-commerce Market Place อย่างเป็นทางการ

“สาขานี้จะเป็นโมเดลใหม่ และสาขาหลังจากนี้ก็จะเป็นโมเดลแบบสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต อย่างในปัจจุบันบางแบรนด์จะคล้าย shop in shop ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่คอนเซปท์ใหม่พื้นที่การขายจะเปิดขึ้น ลูกค้าสามารถเลือกและเปรียบเทียบสินค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งพัฒนา eveandboy.com และแอปพลิเคชัน โดยในส่วนของการตลาดและการสื่อสารต่างๆ ยังคงเต็มที่เหมือนเดิม ซึ่งเม็ดเงินที่ใช้น่าจะอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท”

นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทยังมีแผนการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ในทุกหมวดหมู่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalize & Customize) มากขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตในแบรนด์ปัจจุบัน ด้วยแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน

 

ครั้งแรกของรางวัลบิวตี้ไอเท็ม

หนึ่งในกิจกรรมทางการตลาดและการสื่อสารตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำบิวตี้สโตร์อันดับ 1 ซึ่งได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งหิรัญกล่าวถึงงาน EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2019 ว่า เป็นการประกาศผลรางวัลที่การันตีความนิยมจากยอดขายจริงทั่วประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งจากสินค้าในร้าน EVEANDBOY ทั้งหมด 11 สาขา และ e-commerce ตลอดปี 2562 จำนวน 94 รางวัล ซึ่งแบ่งเป็น 9 หมวดหมู่ เช่น Makeup, Fragrance, Supplement, Skincare, Personal Care, Hair Product, Brush & Accessories, Nails Product และ Bath & Body เป็นต้น

“รางวัล EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2019 เกิดจากความนิยมในสินค้าของลูกค้า EVEANDBOY จากยอดขายจริง และเป็นรางวัลที่ส่งมอบต่อให้แก่คู่ค้าแบรนด์ต่างๆ ที่เป็น Official Partner ทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป เกาหลี และแบรนด์ของคนไทย ความแตกต่างของรางวัลที่ไม่เหมือนใครคือการตัดสินผลรางวัลจากยอดขายจริงทั่วประเทศกว่า 94 รางวัล”

หิรัญ ตันมิตร

สำหรับสินค้าที่ได้รับรางวัลจะมีทั้งแบรนด์ของไทยและต่างประเทศในทุกหมวดหมู่สินค้า ซึ่งตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นทางเลือกของสินค้าหลากหลาย และเป็นผู้นำด้าน Beauty Retailer จับมือร่วมธุรกิจกับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้สนุกกับการช็อปปิ้งเครื่องสำอาง สินค้าความงาม รวมไปถึงน้ำหอมที่มีอย่างครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนการทำงานร่วมกันกับแบรนด์ที่ได้รับรางวัล EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2563 รวมถึงการทำกิจกรรมพิเศษ และโปรโมชั่นต่างๆ จากแบรนด์ เพื่อสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดี และแตกต่างให้แก่ลูกค้าของอีฟแอนด์บอย

“เรายังมีการทำกิจกรรมกับ Influencer, make up artist, beauty blogger และ Social media หน้าร้านต่างๆ จัดเต็มทุกแพลตฟอร์ม เพราะไอเทมที่รับรางวัลส่วนใหญ่เป็น hero product ดังนั้น เราต้องมีการสื่อสารเพื่อตอกย้ำความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ ไม่เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล อีฟแอนด์บอยยังให้ความสำคัญกับการหาผลิตภัณฑ์ใหม่และไอเทมเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อตอบสนองลูกค้าของเรา และสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าอีฟแอนด์บอย เพื่อตอกย้ำความเป็น beauty destination อันดับ 1 ต่อไป”

สำหรับสัดส่วนรายได้ธุรกิจปี 2562 แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า 48% ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 35% น้ำหอม 6% ผลิตภัณฑ์บำรุงผม 3% ผลิตภัณฑ์ Accessories 3% ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Personal Care 3% อื่นๆ 2%

 
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine