บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร มั่นใจกลยุทธ์ถูกทาง สะท้อนผ่านการปรับเป้าการเติบโตของรายได้จาก 100% เป็น 120% ทะยานแตะ 1,200 ล้านบาท ปีนี้ พร้อมเดินเกมรุกขยายธุรกิจต่างประเทศต่อเนื่อง คาดรายได้จากตลาดยุโรปและอาเซียนจะเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ พร้อมวางแผนลุยเปิดตลาดอเมริกาหลังพบดีมานด์การใช้ IT Outsourcing กำลังมาแรง รวมถึงแผนเสริมแกร่งธุรกิจแบบ 360º ครอบคลุมทั้งกลุ่มบริการเดิม พร้อมเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ปักหมุดผลประกอบการปี 2568 เติบโต 5 เท่า เมื่อเทียบกับรายได้ปี 2565 ที่มีรายได้ 564 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Generative AI อย่างเข้มข้น รับกระแสการใช้ประโยชน์จาก AI ในภาคธุรกิจ หวังปั้นเป็นอีกหนึ่งบริการเด่น หนุนสัดส่วน Recurring Income เพิ่ม อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าวร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกด้วย
พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า บลูบิคกำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 10 ในเดือนกันยายนนี้ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตและสามารถสร้างผลกำไรแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ทำให้ปัจจุบันบลูบิคมีพื้นฐานและความพร้อมที่แข็งแกร่ง มีบริการแบบ End-to-End ที่สามารถเทียบชั้นกับบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับสากล และยังมีศักยภาพในการขยายตัวไปยังธุรกิจและตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าแผนงานและเป้าหมายที่วางไว้ทั้ง 4 ด้านนี้ จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตในช่วง 3 ปีนับจากนี้
1) การขยายธุรกิจต่างประเทศ คาดรายได้โตแกร่งพร้อมทำนิวไฮปีนี้ ตั้งเป้ารุกตลาดอเมริกา
บริษัทฯ วางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังศึกษาตลาดพบดีมานด์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเติบโตแข็งแกร่ง ผนวกกับกระแสการใช้ IT Outsourcing กำลังมาแรง มั่นใจจุดแข็งของบริษัทฯ ที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีประสบการณ์ในงานระดับสากลทั้งเอเชียและยุโรป รวมถึงมีศักยภาพในการรับงานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน เพราะมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีพร้อมรองรับทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศผ่าน Bluebik Technology Center ในประเทศอินเดียและเวียดนาม
2) แผนเปิดตัวบริการ Generative AI ที่สามารถใช้งานเชิงธุรกิจประยุกต์ได้ในทุกอุตสาหกรรม
ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) บลูบิคจึงเห็นโอกาสในการนำ AI มาใช้เพื่อต่อยอดและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้า โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้พัฒนา 2 สุดยอดซอฟต์แวร์ Generative AI ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยี ChatGPT ได้แก่ Marketing Intelligence - MI และ Knowledge Management - KM ซึ่ง MI และ KM สามารถใช้งานได้จริงในโลกธุรกิจและเหมาะกับทุกอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำร่องประยุกต์ใช้กับลูกค้าปัจจุบันในบางราย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดเวลา และคาดกว่า Generative AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่ม Recurring Income และเสริมแกร่งด้านบริการให้กับบริษัทฯ
3) ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ประตูสู่ความร่วมมือกับพันธมิตร สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่
นอกจากแพลตฟอร์มด้านทรัพยากรมนุษย์อย่าง HumanOS ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำมากมายทั่วประเทศ บลูบิคยังพัฒนา White Label Platform หรือแพลตฟอร์มธุรกิจพร้อมใช้งาน ภายใต้แนวคิด APIs First (Application Programming Interfaces) ที่สามารถเชื่อมต่อระบบหนึ่งกับอีกระบบหนึ่งได้อย่างสะดวก ซึ่งธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้สามารถนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ๆ กับพันธมิตร เพื่อสร้างโอกาสเติบโตร่วมกันในแง่มุมต่าง ๆ ได้
4) การควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่อง (Mergers & Acquisitions - M&A) เสริมแกร่งบริการ End-to-End หนุนเติบโตแบบก้าวกระโดด
M&A เป็นแผนงานสำคัญที่สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับบลูบิค โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างความร่วมมือและเข้าซื้อกิจการที่สามารถเสริมแกร่งให้กับบริการหลักและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ จากแผนการขยายตัวผ่าน M&A ที่ผ่านมา ทำให้บลูบิคมีความพร้อมและศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ คาดสามารถปิดดีลได้อย่างน้อยหนึ่งรายในปีนี้
“นอกจากการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างบลูบิคและบริษัทย่อยแล้ว การขยายธุรกิจต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มถือเป็นไฮไลท์ของเราในปีนี้ ในขณะที่การขยายธุรกิจผ่าน M&A ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนบริการหลักและโอกาสใหม่ทางธุรกิจ” พชร กล่าว
อ่านเพิ่มเติม : "กสิกรไทย" โชว์ความสำเร็จ ออกหุ้นกู้สกุลเงินตราต่างประเทศ เป็นรายแรกภายใต้โครงการ DIF
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine