อัจฉริยะไม่หวั่นไหว หลอมขึ้นมาใหม่ภายใต้แรงกดดัน - Forbes Thailand

อัจฉริยะไม่หวั่นไหว หลอมขึ้นมาใหม่ภายใต้แรงกดดัน

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Nov 2023 | 06:37 PM
READ 6206

คุณจะรวยด้วยคริปโตได้อย่างไร? ทีมผู้บริหารลับที่อยู่เบื้องหลัง Tether มูลค่า 8.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ คือผู้ปั๊มเงินได้เองอย่างแท้จริง


    วงการคริปโตกำลังดิ้นรนอย่างหนัก มูลค่ารวมของวงการนี้ลดลงราว 60% จากระดับสูงสุดในปี 2021 เพราะตกเป็นเป้าโจมตีของหน่วยงานกำกับดูแล แต่มีธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งหนึ่งกำลังเฟื่องฟู นั่นคือผู้สร้าง stablecoin ที่ชื่อ Tether

    บริษัทในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินแห่งนี้มีมูลค่าตลาด 8.3 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากราวๆ 6.5 หมื่นล้านเหรียญเพียง 1 ปีที่ผ่านมา ใน 3 เดือนแรกของปี 2023 Tether ซึ่งมีอิทธิพลต่อสภาพคล่องของตลาดคริปโตโดยรวมกว่า 50% บอกว่า บริษัททำกำไรได้ 1.5 พันล้านเหรียญ

    บริษัทนี้ใช้รูปแบบการทำกำไรที่เรียบง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ กล่าวคือ ลูกค้าให้เงินเป็นเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับโทเคนบนบล็อกเชนของบริษัทที่ชื่อว่า USDT (“T” ย่อมาจาก Tether)

    Tether มีหลักประกันส่วนใหญ่ในรูปของตั๋วเงินคลัง กองทุนรวม ตลาดเงิน บิตคอยน์ และเงินกู้ที่มีหลักประกัน และได้รับผลตอบแทนของตลาดจาก “เงินสำรอง” เหล่านี้ USDT ควรมีมูลค่าแลกเปลี่ยนเท่ากับ 1 เหรียญเสมอ (เห็นได้ชัดจากคำว่า “stable” ใน stablecoin) และแลกเมื่อไรก็ได้ตามต้องการแต่ลูกค้า Tether จะไม่ได้รับดอกเบี้ยจากการถือครอง

    ในเดือนมีนาคม Tether ได้ประโยชน์จากการล่มสลายของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) หลังจากมีการเปิดเผยว่า คู่แข่งรายใหญ่ที่สุดอย่าง Circle ใน Boston มีเงินฝากที่ไม่ได้รับประกันกว่า 3 พันล้านเหรียญใน SVB มูลค่า stablecoin ของ Circle ที่ตรึงมูลค่ากับเงินเหรียญร่วงลงชั่วขณะไปอยู่ที่ 88 เซนต์ ซึ่งก็มากพอที่ลูกค้าจะขนสินทรัพย์หนีไปหา Tether

    ด้วยความแข็งแกร่งและการครอบงำตลาด Forbes ประเมินว่า หากการเงินของบริษัทเป็นจริงตามที่กล่าวอ้าง ก็อาจทำเงินได้ถึง 9 พันล้านเหรียญตอนที่ขาย นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้บริหารสูงสุด 4 คนกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน

    จากการคำนวณของ Forbes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน Giancarlo Devasini ถือหุ้นกว่า 40% ซึ่งมีมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ ส่วนซีอีโอ Jan Ludovicus van der Velde และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Paolo Ardoino ต่างถือหุ้นมูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญ และที่ปรึกษาทั่วไป Stuart Hoegner ถือหุ้นมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญ ทั้งนี้ Tether ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด

    บริษัทนี้กำลังอยู่ในช่วงติดลมบน แต่ถ้าสภาคองเกรสมีมติผ่านข้อบังคับเกี่ยวกับ stablecoin เช่นเดียวกับที่สหภาพยุโรปทำในเดือนพฤษภาคมก็อาจเป็นประโยชน์ต่อ Circle ที่เคร่งกฎมากกว่า หรือผู้เข้ามาใหม่อย่างธนาคารต่างๆ

    ทั้งนี้อาจมีอุปสรรคอีกอย่างเกิดขึ้นกรณีผู้ถือ USDT เริ่มเรียกร้องผลตอบแทนจากตลาดเงิน เหล่าผู้ก่อตั้ง Tether ร่ำรวยขึ้นมาได้จากอาหารกลางวันฟรีที่ลูกค้าของตนจ่ายให้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องจ่ายคืนอยู่ดี


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : โอกาสของไทยในการเป็นผู้นำ Medical Tourism ยุคหลังโควิด 

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine