การเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมทีมทั้งในและนอกสนามทำให้ผู้เล่นระดับตำนานอย่าง Earvin Johnson ของทีม Los Angeles Lakers พุ่งทะยานสู่ทำเนียบเศรษฐีพันล้าน
หาก Earvin Johnson ต้องการทำให้เป้าหมายทางธุรกิจอันแจ่มชัดของเขาเป็นจริงดังที่ใจปรารถนาแล้วละก็ เขาต้องการพลังพิเศษมาช่วยสักเล็กน้อย ในช่วงรุ่งโรจน์ของยุค Showtime ที่สุดยอดทีมอย่าง Lakers เปลี่ยนรูปแบบการเล่นบาสเกตบอลใน NBA ให้เป็นเกมที่เน้นความเร็วซึ่งตรงกับช่วงทศวรรษ 1980 นั้น มีเหตุผลเพียงน้อยนิดที่จะทำให้เราเชื่อว่านักกีฬาคนหนึ่งจะได้รับความสนใจหรือการยอมรับจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอย่างจริงจัง
หากแต่ในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา Johnson กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในโรงภาพยนตร์ แฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และบริการด้านสาธารณสุข นักบาสเกตบอลผู้มีชื่อในหอเกียรติยศหรือ Hall of Fame วัย 64 ปีรายนี้ยังถือหุ้นส่วนน้อยในทีมกีฬาต่างๆ ซึ่งรวมถึง Los Angeles Dodgers และ Washington Commanders อีกด้วย และก้าวที่สำคัญที่สุดสำหรับ Johnson ก็คือในปี 2015 ที่เขาซื้อหุ้นในสัดส่วนซึ่งมากพอที่จะมีอำนาจบริหารในธุรกิจประกันชีวิตใน Chicago อย่าง EquiTrust ซึ่งคิดเป็นทรัพย์สินส่วนใหญ่จากทรัพย์สินสุทธิส่วนตัวของ Johnson ตามที่ Forbes ประมาณการไว้ที่ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
และนั่นทำให้ Johnson กลายเป็นนักกีฬาอาชีพเพียง 1 ใน 4 คนเท่านั้นที่ Forbes ยืนยันฐานะเศรษฐีพันล้านให้ ร่วมกับ Michael Jordan, Tiger Woods และ LeBron James โดย Johnson แตกต่างเพื่อนอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆ เพราะเขาไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นรายได้ก้อนโตจากช่วงที่เขายังเป็นนักกีฬาอาชีพอยู่ จากการคาดการณ์ของ Forbes รายได้จากการเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพในลีก NBA ของ Johnson อยู่ที่ราว 40 ล้านเหรียญ (หรือประมาณ 110 ล้านเหรียญหากนำมูลค่าเงินเฟ้อมาคำนวณร่วมด้วย) และ Johnson มีรายได้จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการอยู่ที่ 2-4 ล้านเหรียญต่อปี เปรียบเทียบกับ James ซึ่งทำเงินไปแล้ว 479 ล้านเหรียญ และยังสามารถสะสมเพิ่มได้อีกบนเส้นทางนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพที่ยังคงดำเนินต่อไป โดย James จะกวาดรายได้มากถึง 70 ล้านเหรียญจากการลงสนามในฤดูกาลนี้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
หนทางยังอีกยาวไกลสำหรับ Johnson ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจเฉกเช่นเดียวกันกับที่ตัวเขาเคยทำได้ในสนามบาสเกตบอลด้วยการเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมทีม Johnson สร้างพอร์ตของตัวเองจากการร่วมทุนและสร้างพันธมิตรจากจุดแข็งซึ่งก็คือ รอยยิ้มที่สามารถเอาชนะใจผู้พบเห็นของเขาร่วมกับความเจนจัดในเชิงธุรกิจ ซึ่งสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันยืนยาวกับผู้คนระดับสูงในโลกธุรกิจได้
“ชายผู้นี้เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษ เขามีสิ่งนี้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในอาชีพของเขา ถ้าหากผมรู้แน่ชัดว่าความสามารถนั้นคืออะไร ผมจะจับสิ่งนั้นบรรจุขวดและหยิบยื่นให้กับตัวผมและทุกคนในบริษัทโดยไม่รอช้า” Peter Guber ซีอีโอของ Mandalay Entertainment ผู้ซึ่งเคยลงทุนร่วมกับ Johnson ในธุรกิจหลายอย่างซึ่งรวมถึงทีมกีฬาอย่าง Dodgers กล่าว
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Khaby Lame จากดาว TikTok สู่ตัวตลกร้อยล้าน