เมื่อปีที่แล้ว Jennifer Kirk เจ้าของร้านแต่งขนและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้สัตว์เลี้ยงที่ชื่อ Posh Puppy Boutique มองเห็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจของเธอในเมือง Rocklin รัฐ California เธอไม่รอช้าที่จะติดต่อธนาคารที่เธอมีบัญชีอยู่เพื่อทำเรื่องขอกู้เงิน ธนาคารแห่งนั้นใช้เวลาเดินเรื่องการขอกู้เงินของเธอประมาณสามสัปดาห์ก่อนที่ จะแจ้งปฏิเสธการให้สินเชื่อในเวลาต่อมา หลังจากนั้นไม่นานเธอเริ่มได้ยินชื่อของ Kabbage ว่าเป็นธุรกิจให้สินเชื่อที่อำนวยความสะดวกให้ผู้กู้สามารถยื่นเรื่องขอกู้ เงินออนไลน์ โดยระบบจะดำเนินการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังธนาคารต่างๆ ที่เธอมีบัญชีอยู่ รวมไปถึงบัญชี Paypal และ QuickBooks (ตลอดจนฟีดข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของเธอบนระบบโซเชียลมีเดีย)
หลังจากนั้นระบบจะทำการประมวลผลเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของเธอในฐานะผู้กู้แค่เพียง 6 นาทีเธอก็สามารถรู้ผลแล้วว่าคำขอกู้เงินของเธอผ่านหรือไม่ โดยระบบแจ้งว่าเธอได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐเป็นระยะเวลา 6 เดือน และเธอสามารถเลือกว่าจะโอนเงินกู้บางส่วนหรือทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติไปที่ บัญชี PayPal ของเธอ “ฉันสามารถเบิกถอนเงินกู้ไปใช้ได้ทันทีหรือนี่” แต่อีกนั่นแหละของฟรีไม่มีบนโลกใบนี้ เงินด่วนทันใจก้อนนี้ก็เช่นกัน ความสะดวกรวดเร็วของการอนุมัติเงินกู้ต้องแลกกับการยอมเสียดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 27 ต่อปี
ปัจจุบัน Kabbage ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดแก่ลูกค้ารายละ 100,000 เหรียญ นับตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจในปี 2009 บริษัทปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กไปแล้วไม่ต่ำกว่า 750 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะปล่อยกู้เพิ่มเป็นหนึ่งพันล้านเหรียญในปีนี้ โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรและรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการเติบโตราวๆ 200%
Smittipon Srethapramote ซึ่งเป็น Vice President ที่ Morgan Stanley บอกว่า “ตัวเลขรายได้ดังกล่าวทำให้ Kabbage มีชื่อติดอยู่ในแถวหน้าของบริษัทที่ทำธุรกิจให้สินเชื่อทางเลือก” ทั้งนี้ Srethapramote ได้ศึกษาตลาดธุรกิจนี้มาสักพักก่อนที่จะเสนอขายหุ้นไอพีโอของ OnDeck ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของ Kabbage ต่อสาธารณชน “อย่างที่ทราบกันดีว่าธนาคารพาณิชย์ต่างเข็ดขยาดกับการปล่อยสินเชื่อให้แก่ ธุรกิจขนาดเล็กนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ผ่านมา และนั่นทำให้ Kabbage และบริษัทที่ทำธุรกิจให้สินเชื่อผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเพราะเห็นช่องว่างในตลาดนี้” รูปแบบของธุรกิจให้สินเชื่อทางเลือกเหมือนกับ Uber และ Airbnb ตรงที่เป็นธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลและไม่ถูกตรวจสอบจากหน่วยงานทางการ
Rob Frohwein ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ Kabbage ขึ้นในปี 2008 ในเมือง Atlanta ในเวลานั้นเขายังประกอบอาชีพเป็นทนายความด้านทรัพย์สินทางปัญญา ปัจจุบันเขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Kabbage เขามองเห็นโอกาสจากการเข้าถึงข้อมูลมหาศาลบนโลกออนไลน์และการพัฒนาระบบ เชื่อมต่อการทำงานระหว่างแอพพลิเคชั่นกับระบบปฏิบัติการที่เรียกกันว่า APIs ของ eBay และ PayPal ซึ่งช่วยให้บริษัทที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อสามารถเข้าไปดูข้อมูลธุรกรรมของ ลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ Kabbage ได้ผนวกเอาแนวคิดทั้งสองเข้าด้วยกันในการทำธุรกิจ
ก่อนที่จะเริ่ม ตั้งบริษัท Rob ได้โทรหา Kathryn Petralia ซึ่งอยู่ในแวดวงการเงินและเป็นผู้เชี่ยวชาญการปล่อยสินเชื่อและการชำระเงิน และ Marc Gorlin ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “ผู้สร้างธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง” ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน (VC) ในปี 2009 ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัททั้ง 3 คน หลังจากนั้นบริษัทจึงได้เริ่มปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กประมาณ 100 รายในปี 2010 และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้นเอง Kabbage สามารถนำเงินทุนมาคืนให้แก่กลุ่มนักลงทุนอิสระก่อนที่จะเริ่มเจรจาธุรกิจกับ Silicon Valley Bank และ Victory Park Capital โดยปัจจุบัน Kabbage ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Guggenheim Partners ในฐานะแหล่งสนับสนุนเงินทุนรายใหม่
เหตุผลที่ทำให้ Kabbage ดึงดูดกลุ่มทุนให้เข้ามาร่วมลงทุนสำเร็จ คือ อัตราดอกเบี้ยผิดนัด แม้ว่าบริษัทจะสามารถประเมินเครดิตของผู้กู้โดยใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาที และไม่เรียกร้องให้ผู้กู้ต้องจัดหาผู้ค้ำประกันมาร่วมรับผิดในการทำสัญญา เงินกู้ แต่อัตราการชำระคืนหนี้เงินกู้ของลูกค้าบริษัทแทบไม่ต่างจากธนาคาร ในขณะที่ธนาคารต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะอนุมัติสินเชื่อต่อราย
Frohwein บอกว่า Kabbage ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจไม่ใช่ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้น ทำธุรกิจ โดยอาศัยระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ในการประเมินเครดิตของผู้กู้ใน 3 เรื่องต่อไปนี้ ได้แก่ ความสามารถในการชำระหนี้ ลักษณะของผู้กู้ และความสม่ำเสมอหรือความมั่นคงของกิจการ “เรามองว่าการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการเข้าดูข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าช่วย ให้เราเข้าใจและวิเคราะห์ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กได้ดีขึ้น ซึ่งมันดีกว่าการนั่งโต๊ะสัมภาษณ์ผู้กู้เป็นไหนๆ”
ทั้งนี้ Kabbage ได้นำตัวชี้วัดรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความทันสมัยอย่างเช่น ยอดติดตามบน Twitter หรือ Facebook ของผู้กู้ รวมถึงการรีวิวโพสต์ของกลุ่มที่เป็นลูกค้าผู้กู้ในสังคมออนไลน์ เราใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิตของผู้กู้ “นั่นไม่ได้หมายความว่าการที่คุณได้ยอดกดไลค์บนหน้าเพจ Facebook 7,000 ครั้งจะทำให้คุณได้รับอนุมัติเงินกู้จากเรา แต่นั่นอาจจะทำให้เราตัดสินใจเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้ถ้าคุณมีผู้ติดตามในโลก โซเชียลมีเดียมากพอ เพราะนั่นทำให้เราเห็นว่าลูกค้ามีความเชื่อมั่นในกิจการของคุณมากเพียงใด”
หลังจาก Jennifer Kirk ได้รับอนุมัติสินเชื่อจาก Kabbage เธอตัดสินใจว่าจะใช้เงินแค่ประมาณ 30,000 เหรียญโดยจะทยอยเบิกถอนเมื่อถึงคราวที่จำเป็นต้องใช้เงิน เธอนำเงินกู้ที่ได้รับไปเปิดซาลอนแต่งขนสัตว์เพื่อขยายบริการให้ครอบคลุม รวมถึงจ้างพนักงาน เช่าพื้นที่ และซื้ออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ จิปาถะ Kabbage คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา 2% สำหรับสองเดือนแรก และอีก 1% สำหรับอีกสี่เดือนที่เหลือ ซึ่งรวมเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปีที่ 27% แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยต่อปีเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ แต่ผู้ประกอบการธุรกิจรายเล็กส่วนใหญ่จะสนใจแต่ผลตอบแทนที่พวกเขาจะได้รับ หากได้เงินกู้ก้อนนี้มา “การคิดดอกเบี้ยถูกลงในช่วงท้ายๆ และเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้กับลูกค้าช่วยให้พวกเขามีวินัยการชำระเงินที่ดีขึ้น”
Kirk ยอมรับว่าเงินกู้ที่ได้คิดดอกเบี้ยแพงมาก แต่เธอไม่มีทางเลือกเพราะไม่มีธนาคารไหนยอมให้เธอกู้เงินไปขยายธุรกิจ เธอคิดว่าตัดสินใจไม่ผิดเพราะรายได้ของเธอเพิ่มสูงขึ้นถึง 21% จากเงินกู้ที่ได้รับยอดขายที่พุ่งกระฉูดในเดือนแรกมากพอที่จะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชั้นต้อง จ่าย “ชั้นต้องการเอาเงินไปต่อเงิน” เธอกล่าว
อ่านฉบับเต็ม "สินเชื่อพร้อมใช้ใน 6 นาที" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2015