Shintaro Yamada เชื่อว่าตลาดจำหน่าย สินค้ามือสอง ออนไลน์ของเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่เฉพาะในประเทศบ้านเกิดของเขาอย่างญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในตลาดที่มีการแข่งขันสูงกว่าอย่างอเมริกาอีกด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว ภายในเวลาเพียง 10 นาที มีการขายสินค้าดังต่อไปนี้ผ่าน Mercari ซึ่งเป็น “ตลาดจำหน่าย สินค้ามือสอง” ออนไลน์ ได้แก่ เสื้อเชิ้ตแขนยาวแบรนด์ Lululemon (22 เหรียญสหรัฐฯ) ตุ๊กตายักษ์ตาเดียวซึ่งเป็นของเล่นในไลน์ Monster High ของบริษัทผู้ผลิตของเล่น Mattel (25 เหรียญ) รองเท้า Naot เบอร์ 9 (50 เหรียญ) และกระเป๋าสตางค์แบรนด์ Coach สีน้ำตาล (8 เหรียญ) ซึ่งผู้ขายยอมรับว่าสินค้าอยู่ในสภาพ “เก่า” และก้นกระเป๋ามี “คราบสกปรก”
มีความต้องการตุ๊กตา Barbie มือสองและกระเป๋าเก่าๆ มากพอในปีที่ผ่านมา จนทำให้บริษัทใน Tokyo อย่าง Mercari ทำายอดขายได้สูงถึง 324 ล้านเหรียญจากการหักส่วนแบ่ง 10% จากการซื้อขายแต่ละครั้ง เป็นที่แน่นอนว่าผู้ก่อตั้ง Shintaro Yamada วัย 41 ปี สามารถซื้อข้าวของทุกอย่างที่เขาต้องการได้ โดยที่ของทุกอย่างเป็นสินค้าใหม่ ปัจจุบันเขาถือหุ้นอยู่ 32% ในบริษัทแห่งนี้ซึ่งมีมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญ ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ในช่วงขาขึ้น (โดยราคามีการปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อย) นับตั้งแต่การออกหุ้นไอพีโอในเดือนมิถุนายน 2018
Yamada ให้สัมภาษณ์กับ Forbes Japan เมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า “พันธกิจของเราก็คือการสร้างมูลค่าใหม่ เราได้รับการตอบรับค่อนข้างดี นับตั้งแต่ที่ Mercari (คำกริยาในภาษาละตินซึ่งมีความหมายว่า “ซื้อขายแลกเปลี่ยน”) ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 “มีผู้นำสิ่งของมากมายมาขายผ่าน Mercari ก็เพราะเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่วางระเกะระกะอยู่รอบบ้านนั้นไม่มีคุณค่าสำหรับเจ้าของอีกต่อไป และ (จะ) ถูกโยนทิ้ง”
การขยายธุรกิจที่กล้าหาญที่สุดของ Yamada น่าจะเป็นการที่เขาตัดสินใจต่อกรกับ eBay โดยตรงภายในระยะเวลา 14 เดือนนับจากที่เริ่มก่อตั้ง Mercari ขึ้นในประเทศญี่ปุ่น Yamada ได้เปิดตัว Mercari ในสหรัฐฯ และสัมผัสได้ถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยในทันใด
“ในองค์กรญี่ปุ่นทุกคนจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานรุ่นใหม่ๆ และบริษัทก็เติบโตขึ้น แต่ใน Silicon Valley มีเพียง “บริษัทที่เหมาะสมที่สุด” เท่านั้นที่จะอยู่รอดได้” จนถึงขณะนี้ Mercari ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่เหมาะสมที่จะรอดสักเท่าไร ธุรกิจในสหรัฐฯ ของบริษัทคิดเป็น เพียง 6% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมด กระนั้น Yamada ก็ไม่อนาทรร้อนใจว่าแผนกลยุทธ์ของเขาจะได้ผลหรือไม่ เขากล่าวว่า “ความล้มเหลวเป็นก้าวสำคัญซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ”
อ่านเพิ่มเติมคลิกอ่านบทความทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกันยายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine