Accenture ชี้ผู้นำยุคใหม่ต้องรับฟังและเรียนรู้ องค์กรต้องสร้างแรงบันดาลใจ เปิดรับทุกความต่าง เพื่อดึงดูดและสร้างคนเก่ง - Forbes Thailand

Accenture ชี้ผู้นำยุคใหม่ต้องรับฟังและเรียนรู้ องค์กรต้องสร้างแรงบันดาลใจ เปิดรับทุกความต่าง เพื่อดึงดูดและสร้างคนเก่ง

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Dec 2022 | 10:50 AM
READ 3862

Accenture ชี้วัฒนธรรมองค์กรยุคใหม่ต้องสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพื้นที่การแสดงความคิด กระตุ้นการพัฒนาทักษะต่างๆ และเปิดรับทุกความต่างของผู้คน ผู้นำองค์กรต้องเปิดใจรับฟัง พร้อมเรียนรู้ ที่สำคัญคือสร้างวัฒนธรรมองค์กร และสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้พนักงานได้นำเอาความคิดสร้างสรรค์เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อดึงดูดคนเก่งมีความสามารถเข้าร่วมงาน ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่มองหาการทำงานที่สร้างคุณค่า ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

​ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก กล่าวถึงเทรนด์การทำงานในโลกยุคใหม่ว่าคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญที่มีบทบาทมากขึ้นในองค์กร เป็นผู้มีทักษะและความสามารถ พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ชอบทดลอง เรียนรู้ และลงมือทำ กล้าแสดงออก และกล้าแสดงความคิดเห็น ดังนั้น ผู้นำองค์กรจะต้องเปิดใจรับฟังและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมไปถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน ทุกคนมีความสำคัญเท่ากัน สร้างประสบการณ์การทำงานที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเท่าเทียม ที่เราเรียกว่าวัฒนธรรมองค์กรแบบ Life-centric

​“ที่ Accenture เราสร้างองค์กรให้เป็นองค์กรที่น่าร่วมงานด้วยมากที่สุดด้วยแนวคิดแบบ Life-centric นอกจากพนักงานเลือกที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจากที่บ้านหรือมาทำที่ออฟฟิศ การทำงานต้องปรับได้ตามที่พนักงานสะดวก หน้าที่ของผู้บริหารองค์กรคือสร้างสถานที่ทำงานที่สนับสนุนให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้ มีที่พักผ่อน ทั้งผู้บริหารและพนักงานใช้พื้นที่ทำงานร่วมกันได้ทุกที่ และยังเป็นที่ทำงานที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ออกแบบโดยใช้วัสดุและระบบที่เป็นไปตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นประเด็นที่พนักงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ”

​นอกจากนี้ Accenture ยังเปิดรับทุกความแตกต่างภายใต้แนวคิด Diversity & Inclusion เราริเริ่มให้สวัสดิการในด้านต่างๆ โดยไม่ต้องรอให้พนักงานขอ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้พิการทำงานได้อย่างราบรื่น โดยจัดตั้ง Accessibility Center เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การให้วันลาแบบจ่ายเต็มสำหรับแม่ พ่อและผู้ที่ต้องดูแลเด็กอ่อน รวมถึงสวัสดิการสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ เช่น การเบิกค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุมตั้งแต่การขอคำปรึกษาไปจนถึงการผ่าตัดแปลงเพศ นอกจากนั้น เรายังใส่ใจสุขภาพจิตของพนักงานและครอบครัว โดยมีบริการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาจากผู้เชี่ยวชาญแบบไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

​ทั้งนี้ Accenture ประเทศไทยได้รับการรับรองให้เป็น Great Place to Work® ที่พนักงาน 8 ใน 10 คนเชื่อว่าเราเป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วย ถือเป็นความภาคภูมิใจ เพราะการได้รับการรับรองเกิดจากการสำรวจความเห็นของพนักงานในองค์กร ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการดึงดูดคนเก่งมีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้อีกมาก

​“Accenture มีงานที่หลากหลาย เปิดโอกาสในการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Advanced Technology Center Thailand (ATCT) หรือศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง และ Accenture Intelligent Operations Center (AIOC) ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเพื่อธุรกิจในประเทศไทย ที่ร่วมขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มองค์กรธุรกิจ และสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”

ปฐมากล่าวว่า องค์กรยังต้องกระตุ้นพนักงานให้เกิดการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ซึ่งสำหรับ Accenture ที่ดำเนินธุรกิจด้านการให้คำปรึกษาทางธุรกิจและเทคโนโลยี ให้ความสำคัญกับ 3 ทักษะหลักๆ ได้แก่ Soft Skill เช่น Growth Mindset เปิดโอกาสให้ลองผิดลองถูก Active Listening โดยฟัง ตั้งคำถาม และพยายามที่จะเข้าใจ นำไปสู่การสร้าง Empathy ที่มองพนักงานไม่ใช่แค่พนักงาน แต่มองว่าพวกเขามีความต้องการและเงื่อนไขที่ต่างกันไป ซึ่งเป็นทักษะที่จะช่วยให้คนทำงานร่วมกันและยอมรับความแตกต่างด้านความคิดได้ Digital Skill คือการสร้างทักษะด้านดิจิทัลสำหรับพนักงานในแต่ละเจเนอเรชั่นที่มีความต้องการเพิ่มทักษะที่ต่างกัน และ Technology Skill อัปเดตความรู้ใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยี เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานกับลูกค้า

​“ในโลกยุคใหม่ วันนี้หน้าที่ของผู้นำองค์กรหลักๆ มีหน้าที่แค่ 3I ตัวแรก Inspire สร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจและความยั่งยืนขององค์กร Instill กำหนดจุดมุ่งหมายในการทำงานที่สร้างคุณค่าแบบยั่งยืน โดยคำนึงถึงเรื่อง ESG (Environmental, Social, Governance)  และสุดท้ายคือ Influence โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษา หรือ Mentor ใช้ประสบการณ์ในการตั้งคำถามให้พนักงานได้คิด ช่วยแนะแนวทางเพื่อเปิดมุมมองที่กว้างขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยสร้าง Talent หรือคนเก่งที่มีความสามารถขึ้นได้ภายในองค์กรและจะช่วยดึงคนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นระดับบริหารหรือพนักงานที่กำลังมองหาความท้าทายในชีวิต และต้องการสร้างอิมแพคในวงกว้างให้กับสังคมและประเทศชาติได้” ปฐมากล่าวทิ้งท้าย