Nokia ตอกย้ำพันธกิจของบริษัทในการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยบนเส้นทางของการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลและเดินหน้าประเทศไทยสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0
Nokia เล็งเห็นว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดบนเส้นทางสู่อุตสาหกรรม 4.0 นับตั้งแต่การประกาศแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของรัฐบาลเพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านหุ่นยนต์, การใช้ระบบออโตเมชันในโรงงาน, การบิน, โลจิสติกส์ และการเกษตรให้ทันสมัยยิ่งขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคด้วยการนําเทคโนโลยี 5G มาใช้ครั้งแรกในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และยังพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโซลูชันเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล
ในฐานะที่ Nokia เป็นผู้นําในด้านอินเตอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่งสำหรับภาคอุตสาหกรรม (IoT) และเครือข่ายสําหรับอุตสาหกรรม 4.0 ทางบริษัทจึงได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบโซลูชันสำหรับองค์กร และส่งเสริมเมืองอัจฉริยะและระบบนิเวศอุตสาหกรรมของประเทศไทย
ทางบริษัทให้คำมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบตามวัตถุประสงค์ สําหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรม 4.0 และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตั้งแต่โซลูชัน Nokia Digital Automation Cloud (DAC) ไปจนถึง Routing Silicon รุ่นที่ห้า บริษัทนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมไปสู่ระบบปฏิบัติการ Ready 4.0 Anything operations ซึ่งสนับสนุนโดยภารกิจ ธุรกิจ และเครือข่ายที่สำคัญทางสังคมของทางบริษัท
นอกจากนี้ ยังเผยด้วยว่าการเชื่อมต่อไร้สายในเครือข่ายแบบส่วนตัวได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งสําคัญในการขับเคลื่อนเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เนื่องจากช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ หลอมรวมเข้ากับกระบวนการดิจิทัลโดยการเชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องจักร เซ็นเซอร์ และพนักงานเคลื่อนที่ ด้วยวิธีที่มีความยืดหยุ่น เข้าถึงได้ ปลอดภัยและน่าเชื่อถือที่สุด
ฐิติพันธุ์ วรกุลลัฎฐานีย์ ผู้บริหารฝ่ายขายองค์กรแห่ง Nokia ประจำประเทศไทยกล่าวว่า "เทคโนโลยีที่มีความแข็งแกร่งที่พิสูจน์แล้วอย่าง 5G และการเชื่อมต่อในเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวช่วยในการสร้างระบบต้นแบบเมืองที่มีความอัจฉริยะและมีบูรณาการที่ช่วยวางรากฐานสำหรับเมืองแห่งอนาคตได้ เมื่อประเทศไทยยังคงเดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่องค์กรในประเทศไทยจะเร่งผลักดันการยอมรับเทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงการเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นดิจิทัลและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย”
ทางบริษัทได้ดำเนินการจัดการเครือข่ายสำหรับภารกิจสำคัญให้แก่ลูกค้าองค์กรกว่า 2,000 ราย ที่อยู่ในธุรกิจการขนส่ง, พลังงาน, องค์กรขนาดใหญ่, ภาคการผลิต, ระบบ Webscale และหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก
นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ความเชี่ยวชาญไปสู่ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ด้านการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวอีกกว่า 450 แห่งทั่วโลกในหลากหลายภาคส่วน และได้รับการอ้างอิงโดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมจํานวนมากในฐานะผู้ให้บริการการเชื่อมต่อไร้สายแบบส่วนตัว ชั้นนําของโลก
อ่านเพิ่มเติม: oHouse สุดยอดแอปพลิเคชันด้านไลฟ์สไตล์แห่งเกาหลี
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine