ว่ากันด้วยเรื่องมายด์เซ็ตการลงทุน - Forbes Thailand

ว่ากันด้วยเรื่องมายด์เซ็ตการลงทุน

หนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดถึงเยอะในแวดวงหุ้นหลายปีที่ผ่าน คือ เรื่องจิตวิทยาการลงทุน มีเป็นหนังสือออกมาก็หลายเล่มอยู่ และมักเป็นในรูปแบบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับนักลงทุน รวมถึงข้อแนะนำการแก้ไข ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์อยู่ เพราะถ้าซื้อหุ้นแล้วมันเสียหายซ้ำซาก เราควรต้องรู้ว่าเหตุมันน่าจะมาจากอะไร ก็จะได้แก้ไขขึ้นมา

ผมมองว่านี่คือตัวตัดสินใจความสำเร็จการลงทุนของคนๆ นึงเลย แม้กระทั่งหนังสือการลงทุนเล่มคลาสสิคที่ชื่อว่า Trading for a living ที่เขียนโดย Dr. Alexander Elder ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และเขียนว่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุน วิธีการมีบทบาทพียง 10% การบริหารเงินทุนมีบทบาท 30% ส่วนจิตวิทยากรลงทุนนั้นมีบทบาทสูงถึง 60% เลยทีเดียว ในไทยจิตวิทยาการลงทุนมักถูกเรียกทับศัพท์เท่ห์ๆ ว่า มายด์เซ็ตการลงทุน ไม่มีใครเถียงว่าเรื่องมายด์เซ็ตไม่สำคัญ แต่ข้อสังเกตุที่น่าสนใจเรื่องนึงคือ เวลาคุยเรื่องมายด์เซ็ต เรามักได้คำอธิบายกว้างๆ แต่จับต้องไม่ได้ ประมาณว่า มายด์เซ็ตการลงทุนที่ถูกต้อง มาจากการเข้าใจกลไกตลาดหุ้นอย่างถูกต้อง เข้าใจผู้เล่นในตลาด และเข้าใจตัวเอง ซึ่งมันก็ใช่ แต่เราจะไม่สามารถนำคำอธิบายแบบนี้ไปเป็นข้อปฏิบัติได้เลย มันนามธรรมเกินไป จะเข้าใจกลไกตลาดหุ้น หมายถึงจะต้องเข้าใจกลไกเศรษฐกิจ เข้าใจลักษณะกิจการ หรือเข้าใจเหตุของเม็ดเงินที่เข้ามาในหุ้น ทั้งหมดนี้ไม่น้อยนะ ส่วนจะเข้าใจผู้เล่นในตลาด นั้นหมายถึงใคร ถ้าเป็นกองทุนฯ ก็มีหลายสไตล์ตามนโยบายการลงทุนของเขา ยิ่งผู้เล่นรายย่อยยิ่งหลากหลาย จะต้องเข้าใจทั้งหมดหรือบางส่วนเท่านั้นพอ คำอธิบายที่กว้างไปที่จับต้องไม่ได้ ผลคือนำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้นั่นเอง แล้วมายด์เซ็ตการลงทุนที่ถูกต้องจะอธิบายยังไง มุมมองผมมายด์เซ็ตที่ถูกต้องคือ "สำคัญถูกต้อง" และคอนเซ็ปท์นี้ครอบคลุมไปมากกว่าเรื่องการลงทุน ผมเชื่อว่าถ้าลำดับความสำคัญไว้สูงสุด ยังไงสิ่งที่ทำอยู่ก็จะสำเร็จ อย่างเรื่องใกล้ๆ ตัวเช่น การลดน้ำหนัก ซึ่งวิธีลดมันไม่ใช่ความลับเลย คุมอาหารกับออกกำลังกาย แต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่รู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญการลดน้ำหนักไว้สูงสุด นึกอยากออกกำลังกายก็ออก ขี้เกียจก็หยุด  แต่ถ้าเราจำเป็นต้องลดน้ำหนักถ้าไม่ลดเสียชีวิตแน่ ผมมั่นใจว่าลดได้ทุกคน เพราะคราวนี้มันคือเรื่องความเป็นความตาย หยวนไม่ได้แล้ว ส่วนในเรื่องการลงทุนเราต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับ "การอยู่รอดในตลาด" ก่อน เรียกว่า ทุกการตัดสินใจที่เลือกซื้อ/ขายหุ้น ต้องถามตัวเองก่อนว่า ถ้าพลาดครั้งนี้แล้วจะเจ๊งมั้ย แล้วจึงค่อยหยิบเครื่องมือมาคุมมาลดความเสี่ยงอีกที คอนเซ็ปท์นี้สะท้อนแม้ในกฏการลงทุนของคุณวอเรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า ข้อ 1. อย่าเสียเงิน และ ข้อ 2. ให้กลับไปดูข้อ 1 อ่านผิวเผินเหมือนเป็นแค่มุกขำๆ แต่ผมว่ามีความหมายเชิงลึกนะ อย่าเจ๊ง รอดในตลาดให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาโฟกัสเรื่องรวย ตอนเริ่มต้นการลงทุนถ้าไปให้ความสำคัญสูงสุดกับ เรื่องรวย ก่อน อาจทำให้เราละเลยความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในการลงทุนครั้งนั้นๆ ได้ และในตลาดหุ้นพลาดหนักๆ เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ไม่ต้องลืมตาอ้าปากได้เลยทั้งชีวิต เรื่องราวของคนที่เคยพลาดเจ๊งหมดตัวแล้วฟื้นกลับขึ้นมายิ่งใหญ่ได้นั่นคือส่วนน้อยเกินไปที่จะคาดหวังให้มันเกิดกับตัวเรา อย่าข้ามขั้น มันไม่ได้ช้าขนาดนั้น และวันที่ตลาดร่วงมาแรงๆ จนหุ้นดีๆ ถูกทั้งตลาด ก็จะเป็นโอกาสสร้างความร่ำรวยสำหรับผู้ที่ยังรอดเหลืออยู่เท่านั้น. ขอให้พวกเรารอดในตลาดหุ้นกันได้ทุกคนครับ