เมื่ออนาคตข้างหน้าก็ยิ่งจะไม่ง่าย องค์กรจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกันแบบที่เรียกว่า “ทรานส์ฟอร์ม” เพื่อความอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน
ใกล้สิ้นปีอีกครั้ง หลายองค์กรคงได้เริ่มหรือกำลังอยู่ระหว่างการทำการทบทวนแผนงานประจำปี เพื่อเตรียมทำแผนปีหน้าตลอดจนทบทวนวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์เพื่อการบรรลุเป้าหมายขององค์กร ขณะที่ในระดับของแต่ละบุคคลเอง หลายคนคงเริ่มตั้งใจทำ New Year’s resolutions กันแล้ว ทั้งนี้ผมเชื่อว่า จากสถานการณ์ในปีที่ผ่านมาที่ใครๆ ก็คิดว่าหนักแล้ว อนาคตข้างหน้าก็ยิ่งจะไม่ง่าย องค์กรหรือตัวบุคคลเองจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกันแบบที่เรียกว่า “ทรานส์ฟอร์ม” เพื่อความอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน การทำทรานส์ฟอร์เมชันนั้น แต่ละบริษัทมีบริบทของสถานการณ์และจุดติดขัดที่ไม่เหมือนกัน ภาพฝัน ภาพปลายทางในอนาคตก็ไม่เหมือนกันว่าต้องการอะไร ต้องการเป็นอย่างไร และทำอย่างไร จึงจะสร้างผลประกอบการและผลกำไรจากการทรานส์ฟอร์มนั้นได้ ในฐานะคนในบริษัท ไม่เพียงเฉพาะผู้นำ ผู้บริหาร แต่รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียนรู้ ฝึกฝนเพื่อทำสิ่งที่ Harvard Business Review เคยสรุปไว้ง่ายๆ ว่าทรานส์ฟอร์เมชั่นทำแค่ 2 อย่าง คือ “Finding New Purpose” และ “Performing Mission Impossible”
ตรงนี้เองที่ Liz Wiseman CEO ของ Wiseman Group ใน Silicon Valley และนักคิดที่ได้รับการยกย่องให้อยู่ใน Thinker50 เขียนไว้ในหนังสือ Multipliers ว่า “ผู้นำที่ยอดเยี่ยมจุดระเบิดความเป็นอัจฉริยะจากทุกๆคน”
บริษัท PacRim Group ได้รับลิขสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวในการช่วยอบรมและฝึกฝนให้ผู้นำเป็น Multipliers ที่จะช่วยดึงศักยภาพและอัจฉริยะในตัวทีมงานออกมาเต็มที่อย่างยั่งยืน ช่วยสร้างนวัตกรรมและพาองค์กรทรานส์ฟอร์มได้ เปิดเผยงานวิจัยว่า ผู้นำแบบ Multipliers สร้างผลลัพธ์จากทีมเฉลี่ย 2X ของผู้นำทั่วไป (ถ้าทุกคน 2X รวมกัน ผลลัพธ์องค์กรก็มหาศาล)
แต่ยังบอกอีกว่าสิ่งที่ควรระวัง คือ การที่บางคนอาจมีช่วงขณะของการเป็นผู้นำแบบติดลบโดยบังเอิญหรือ “Accidentally Diminishers” แบบไม่ตั้งใจ เพราะเจตนาดีๆ ของผู้นำในหลายเรื่อง อาจจะลดผลลัพธ์จากการทำงานของทีมงานได้!!
นั่นคือเราจะต้องตระหนักและระวังและว่า ในบางครั้งการที่เราพยายามเป็นผู้นำตัวอย่าง เป็นผู้นำที่ดี เป็นนักกลยุทธ์ เป็นคนตอบสนองเร็ว การมีไอเดียกระฉูดสม่ำเสมอ ทำงานหนัก หรือแม้แต่จิตใจที่ดี คอยปกป้องดูแล ช่วยเหลือลูกน้องในทีมเป็นอย่างดีเสมอ อาจจะมีมุมที่ส่งผลลบต่อการดึงศักยภาพของทีมงาน
ตรงนี้เองที่ PacRim จะบอกว่าเราจะตระหนักรู้ได้อย่างไรว่าเราเริ่มมีอาการที่ส่งผลลบเหล่านี้ และในการจะสร้างผลทวีคูณ มีขั้นตอนที่สามารถฝึกฝนให้เกิดจริงได้อย่างไร
ตอนที่ผมอ่านเจอตรงนี้ครั้งแรก ผมก็สงสัยขึ้นมาเหมือนกันนะครับว่า เวลามีคนบอกว่า คนในองค์กรไม่มีความคิดสร้างสรรค์ จริงๆ เป็นเพราะผู้นำบังเอิญเป็น Diminisher รึเปล่า? มากไปกว่านั้น มองกลับมาที่ตัวเอง มีบ่อยไหมที่ตัวเราบังเอิญเป็นผู้นำแบบ Diminisher แล้วเราจะทำให้ทีมสร้างนวัตกรรม หรือ โซลูชันใหม่ๆ ได้อย่างไร?
คิดง่ายๆ นะครับ เราทุกคนอยากทำงานกับผู้นำที่ทำให้เราฉลาดขึ้นมากกว่าน้อยลงในทุกๆ วัน จริงไหม? และการจะ transform หรือสร้าง innovation ร่วมกันในองค์กรก็มาจากผู้นำที่เป็น Multipliers เช่นกัน
ในโอกาสที่เรากำลังทบทวนเป้าหมาย และวิสัยทัศน์ การสร้างผู้นำให้เป็น Multipliers ที่สามารถดึงอัจฉริยภาพจากทุกๆคนในองค์กร ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อใช้เร่งกระบวนการนำองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างดีทีเดียว
ติดตามอ่านเนื้อหาดีๆ จาก PacRim พาร์ทเนอร์ที่คุณไว้วางใจได้ ในการช่วยเร่งสปีดการ Transform และเพิ่มผลลัพธ์ให้กับธุรกิจ (Trusted Partner in Accelerating Transformation & Performance Improvement) ในวันจันทร์แรกของทุกเดือนทาง forbesthailand.com ครับ
อ้างอิง
Hbr.org: what-kind-of-chief-innovation-officer-does-your-company-need,
Hbr.org: the-top-20-business-transformations-of-the-last-decade, Mulipliers: How the Best Leaders Make Everyone Smarter, Liz Wiseman
บทความโดย
อภิวัฒน์ ปุญญฤทธิ์
Consultant and Innovation Specialist
Info@pacrimgroup.com
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


