“Megatrend Retirement Planning” รับอายุยืน 100 ปี - Forbes Thailand

“Megatrend Retirement Planning” รับอายุยืน 100 ปี

FORBES THAILAND / ADMIN
28 Feb 2022 | 02:00 PM
READ 1841

เมื่อนวัตกรรมการแพทย์ กำลังจะทำให้คนไทยมีโอกาสอายุยืนถึง 100 ปี แผนเกษียณเดิมๆ ที่มีอยู่จึงต้อง “พลิกโฉม” เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายในวัยเกษียณ ด้วยการผสมผสานเรื่องของการสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation) ควบคู่ไปกับการปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) ในระยะยาวที่สอดรับกับเทรนด์ใหม่ของโลก

แผนเกษียณรูปแบบที่เป็นไปตามเทรนด์โลกนี้มีคอนเซปต์ที่เรียกว่า “Megatrend Retirement Planning” โดยเป็นการวางแผนการเงินอย่างครอบคลุม ทั้งการลงทุนแบบ Megatrend Investment ซึ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต ที่รายได้และกำไรของบริษัทนั้นๆ มีโอกาสที่จะสร้างรายได้และกำไรได้แบบก้าวกระโดด ทำให้การสร้างเงินก้อนก่อนเกษียณเป็นไปตามเป้าหมาย  และการปกป้องความเสี่ยงหลังเกษียณที่สอดรับกับกระแสโลกด้วย Megatrend Protection จากประกันบำนาญที่มีผลประโยชน์ในขณะดำรงชีวิต (Living Benefit) สูง รวมถึงการมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย และประกันโรคร้ายแรงที่มีทุนประกันสูง เพื่อปิดความเสี่ยงด้านรายจ่ายในเรื่องของสุขภาพที่ควบคุมได้ยากและเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญในช่วงหลังเกษียณ

สร้างความมั่งคั่งด้วย Megatrend Investment

หลายปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ธุรกิจดั้งเดิมถูก Disruption ด้วยธุรกิจรูปแบบใหม่ จนทำให้รายได้และกำไรอาจไม่เติบโตอย่างโดดเด่นเหมือนช่วงที่ผ่านมา การลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation) สำหรับการเตรียมเงินก้อนก่อนเกษียณอายุนั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปลงทุนในธุรกิจคลื่นลูกใหม่อย่างธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเมกะเทรนด์ (Megatrends) เพราะธุรกิจกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น Amazon บริษัท E-commerce ยักษ์ใหญ่ของโลกที่มา Disruption ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม ซึ่งจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 1997 ด้วยราคา IPO 18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าบริษัทในขณะนั้น 438 เหรียญสหรัฐฯ แม้จะต้องเผชิญกับช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงอย่างช่วงดอทคอม แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนที่มีการเข้าถึงเทคโนโลยีที่มากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจ E-Commerce สามารถสร้างรายได้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำพาให้ราคาหุ้นของบริษัท Amazon ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3,180 เหรียญสหรัฐฯ และปัจจุบัน Amazon มีมูลค่าบริษัท 1.6 ล้านล้านเหรียญฯ ซึ่งสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นนับจากราคา IPO ไปแล้วกว่า 211,000 เปอร์เซ็นต์ (ปรับมูลค่าการแตกหุ้นแล้ว) หรือคิดเป็นผลตอบแทนตลอดช่วงเกือบ 25 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 36 เปอร์เซ็นต์ และเอาชนะผลตอบแทนดัชนี S&P 500 ที่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน

เจาะธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนในช่วงนี้

สำหรับ Megatrend Investment ที่น่าสนใจในปัจจุบัน ได้แก่ การลงทุนในธีม The Future Trend of Technology ที่เป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจในโลกยุคดิจิทัล ตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจ Cloud Computing, Cyber Security ที่กำลังเติบโตไปกับการใช้งาน Network ที่เพิ่มขึ้น การรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับความต้องการในการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลที่ใช้รับส่งหรือจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย Internet ที่มากขึ้นเช่นกัน และธุรกิจเหล่านี้ยังเติบโตร่วมไปกับการมาของโลกยุคใหม่อย่าง Metaverse ที่เป็นการจำลองสังคมของโลกจริงสู่โลก 3 มิติ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เสมือนโลกจริง ไม่ว่าจะเป็น การซื้อขายสินค้าและบริการ หรือการติดต่อสื่อสารระหว่างกันผ่านตัวตนที่เป็นอวตาร 3 มิติ (Avatar) ซึ่งเป็นพัฒนาการจาก Social Media แบบเดิมๆ ที่ติดต่อกันผ่านเพียงตัวหนังสือหรือผ่าน Video Conference เท่านั้น โดยมีการคาดการณ์จาก PWC บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ได้ประมาณการมูลค่าตลาดรวม (Total Addressable Market) ของ Metaverse ว่า มีแนวโน้มการเติบโตจากระดับ 1.48 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2021 จะขึ้นไปถึงระดับ 1.54 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึงราวร้อยละ 26 ต่อปี

Innovative Healthcare ดาวเด่นสังคมสูงวัย

อีก Megatrend Investment ก็คือ การลงทุนในกลุ่ม Innovative Healthcare ซึ่งเป็นธีมการลงทุนที่สอดคล้องกับสังคมสูงวัยตามเทรนด์ของโลกที่มีประชากรสูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เพื่อนำไปสู่การให้บริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ ที่มีค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลเติบโตสูงกว่าการเติบโตของ GDP อย่างต่อเนื่องตลอดในช่วงกว่า 50 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันหุ้นกลุ่มนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่ Biotech ที่ยังคงมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สู้กับไวรัสหรือรักษาโรคร้ายแรงที่ในอดีตไม่เคยมียารักษามาก่อน อย่างโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ และโรคอื่นๆ ซึ่งเมื่อสามารถพัฒนายาได้สำเร็จก็จะสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจากปริมาณผู้ป่วยที่มีอยู่มหาศาลทั่วโลก ทั้งนี้ แม้ธุรกิจในกลุ่ม  Megatrends ที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลกจะมีโอกาสผันผวนไปตามความเสี่ยงของตลาด แต่ด้วยผลตอบแทนที่น่าสนใจและการลงทุนระยะยาวในรูปแบบของการลงทุนเพื่อการเกษียณจะทำให้ผ่านช่วงความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด

ปกป้องความมั่งคั่งด้วย Megatrend Protection

ส่วนการปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) ช่วยปิดความเสี่ยงรายจ่ายที่ควบคุมได้ยากและถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญหลังการเกษียณ การทำประกันที่เป็น Megatrend Protection ได้แก่ “ประกันสุขภาพ” และ “ประกันโรคร้ายแรง” ที่จะต้องวางแผนโดยเลือกกรมธรรม์ที่มีทุนประกันสูงมากเพียงพอและคุ้มค่าเบี้ยประกันที่จะเกิดขึ้นหลังเกษียณ เพื่อให้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพตามเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และอีกส่วนที่สำคัญในการวางแผนเพื่อรองรับเทรนด์อายุที่ยืนยาว ก็ควรที่จะมีหลักประกันชีวิตหลังเกษียณที่เป็น “ประกันบำนาญ” โดยเน้นการเลือกกรมธรรม์ที่มอบผลประโยชน์ในขณะดำรงชีวิต (Living Benefit) มากกว่าผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต (Death Benefit) เพื่อเน้นการสร้างกระแสเงินสดผ่านเงินบำนาญให้กับผู้เอาประกันในขณะมีชีวิตในระดับสูงสม่ำเสมอและไม่ผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจ ที่จะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีและการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขหลังเกษียณได้ตามไลฟ์สไตล์และเป้าหมายที่ตั้งใจไว้   บทความโดย ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ CFP® Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine