ธุรกิจพลังงานปรับใหญ่สู้กำไรบาง - Forbes Thailand

ธุรกิจพลังงานปรับใหญ่สู้กำไรบาง

FORBES THAILAND / ADMIN
10 May 2016 | 05:50 PM
READ 1411
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบัน ส่งผลกระทบด้านบวกให้กับประเทศไทยในแง่มุมหนึ่ง คือ ประชาชนและภาคธุรกิจได้ประโยชน์จากภาระต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกลง แต่ในความเป็นจริงนั้น ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาที่ถูกลง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อความพยายามในการรณรงค์ให้ใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาพลังงานทางเลือก (unconventional fuels) เนื่องจากประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันกว่า 80% ของปริมาณที่ใช้ จึงเป็นหน้าที่ของบริษัทพลังงานแห่งชาติอย่าง ปตท. ซึ่งมีภารกิจสำคัญที่จะต้องทำให้ประเทศไทยและคนไทยทุกคนมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ ทั่วถึง ราคาเป็นธรรม และมีความยั่งยืน สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอย่างมากในปัจจุบัน เกิดจากปัจจัยที่ถาโถมหลายปัจจัย คือ การพัฒนา shale oil ของสหรัฐฯ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว และการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งในอนาคตราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มอุปทานล้นตลาดต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง หากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันยังไม่มีนโยบายในการลดอัตราการผลิตร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญและเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมพลังงานต้องมีการปรับขบวนกันขนานใหญ่ เช่นเดียวกับ ปตท. ที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก โดยจะเห็นได้ว่าล่าสุดสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “Moody’s Investor Services” อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จำนวนมาก อย่างไรก็ดี ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง กอปรกับการมีโครงสร้างธุรกิจที่หลากหลายของกลุ่ม ปตท. ตั้งแต่ธุรกิจสำรวจและขุดเจาะ ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจสถานีบริการ ธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ และธุรกิจการค้าน้ำมันระหว่างประเทศ รวมถึงการที่ ปตท.มีแผนกลยุทธ์ที่เป็นภาพ scenario planning โดยจะพิจารณาทุกโครงการและดำเนินงานต่างๆ อย่างเคร่งครัดและครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อพร้อมรับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้กลุ่ม ปตท. ได้รับผลกระทบเพียงในวงจำกัดเท่านั้น อย่างไรก็ดี ปตท. และทุกบริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานจำเป็นต้องมีการปรับขบวนทัพกันขนานใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการผลิต การบริหารความเสี่ยงที่ต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อรักษาสัดส่วนกำไรให้อยู่รอดต่อไปได้ รวมถึงความพยายามในการต่อยอดจากการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ปตท. จึงได้วางยุทธศาสตร์ ROIC เพื่อรับมือและสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรภายใต้ภาวะที่ท้าทายของธุรกิจพลังงานเช่นนี้ โดย ปตท.จะบริหารพอร์ต เน้นขยายในพื้นที่เข้มแข็ง มีศักยภาพ และถอนตัวจากจุดอ่อน (rationalization) ควบคู่ไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจด้วยการเพิ่ม productivity ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย (optimization) รวมถึงพิจารณาขยายการลงทุนตาม value chain เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างมูลค่าเพิ่ม (integration) และควบรวมกิจการที่ใกล้เคียงกันเพื่อสร้าง Economy of Scale ลดต้นทุน ขยายธุรกิจ (consolidation) ดังนั้น การลงทุนในระยะ 5 ปีต่อจากนี้ ปตท. จะเน้นการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานให้กับประเทศด้วยการลงทุนในโครงการท่อก๊าซเส้นที่ 5 ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งทะเลภาคตะวันออกในจังหวัดระยอง ทะเลฝั่งตะวันตกที่จังหวัดกาญจนบุรี อ่าวไทย รวมไปถึงก๊าซที่นำเข้าจากเมียนมาให้มีความสมบูรณ์ และเชื่อมเข้ากับก๊าซ LNG ที่กำลังนำเข้ามาด้วย ในอนาคตหากมีแหล่งก๊าซใดที่หยุดจ่ายไป ก็จะมีก๊าซจากแหล่งอื่นเข้ามาชดเชยได้ นอกจากนี้ยังมีแผนจะสร้างคลังเก็บก๊าซ LNG (LNG Receiving Terminal) แห่งที่ 2 เพื่อรองรับก๊าซ LNG ที่จะถูกนำเข้ามาเพิ่มในลักษณะของเหลวก่อนจะแปรสภาพเป็นก๊าซเพื่อเข้าสู่ท่อส่งก๊าซกระจายออกไปอีกด้วย ขณะเดียวกัน การดำเนินธุรกิจพลังงานของ ปตท. ต้องเผชิญกับเสียงสะท้อนด้านลบจากสังคมที่เกิดจากความไม่เข้าใจในความตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเพื่อภารกิจยิ่งใหญ่ด้านพลังงาน กระทั่งกลายเป็นความขัดแย้งในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ ปตท. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หากแต่พยายามหาแนวทางที่จะทำให้คนภายนอกเข้าใจมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากบุคลากรของ ปตท. เอง ซึ่งต้องปรับทัศนคติให้คิดบวกมากขึ้น พร้อมเปิดใจรับฟัง มีเหตุผล พร้อมที่จะชี้แจงความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้อื่น เชื่อว่าคนภายนอกจะสามารถสัมผัสและรับรู้ถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงได้ผ่านบุคลากร สิ่งที่ผมถือเป็นภารกิจที่สำคัญและจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด คือการแก้ไขความไม่เข้าใจของสังคมในธุรกิจพลังงาน เราจะกอบกู้ศรัทธากลับคืนมา ให้คนไทยมีความภาคภูมิใจที่ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทของไทย สร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ และเติมเต็มกลไกที่สำคัญให้กับประเทศ เราทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และพนักงานทุกคนพร้อมใจกันลงมือทำเพื่อให้ ปตท. เป็น “Pride and Treasure of Thailand” เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
คลิ๊กอ่านบทความเพื่อจุดประกายไฟฝันทางด้านธุรกิจ จาก Forbes Thailand ฉบับ APRIL 2016 ในรูปแบบ E-Magazine