สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ต้องยอมรับว่าได้ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างประเมินค่าไม่ได้ หลายภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ไม่ว่าระบบเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ และการลงทุนทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดนี้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร แต่ทุกสิ่งต่างก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
ทำให้ธนาคาร สถาบันการเงิน จึงเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจการเงินให้มีเสถียรภาพ สามารถรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มธุรกิจ ดังนั้น สถาบันการเงินต่างๆ และธนาคารจึงต้องทำหน้าที่ดูแลและสนับสนุนลูกค้าเหล่านี้ให้มีศักยภาพเพียงพอในการดำเนินชีวิต หรือการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการขยายโอกาสทางธุรกิจในทุกๆ สถานการณ์ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจซิตี้ยังคงเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ที่ดำเนินธุรกรรมในหลายภาคเศรษฐกิจใหญ่ทั่วโลก ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ ด้วยการใช้โซลูชันด้านนวัตกรรมทางการเงินที่มีประสิทธิภาพผ่านแพลตฟอร์มระดับโลก ตลอดจนการสนับสนุนด้านนวัตกรรมอย่างเท่าเทียมแก่ลูกค้าในด้านการค้า การเงิน การลงทุนและการบริหารเงินสด เพื่อให้ลูกค้าสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับประเทศไทยซิตี้ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2510 ปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 54 ปีแล้ว ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ และนับเป็นสถาบันการเงินชั้นนำอีกแห่งของประเทศ- ดิจิทัลโซลูชันการเงินยุคใหม่ -
ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเดินหน้าอย่างรวดเร็วส่งผลให้พฤติกรรมการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น หากธนาคารหรือสถาบันทางการเงินมีการนำดิจิทัลโซลูชันมาช่วยสนับสนุนก็จะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายและมีความพึงพอใจมากขึ้น เนื่องจากซิตี้แบงก์มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกจึงสามารถเดินหน้ากลยุทธ์ขยายดิจิทัลโซลูชัน พัฒนาเครือข่ายด้านฟินเทค และพาร์ตเนอร์ชั้นนำผ่าน API เพื่อสร้างการใช้งานที่สะดวกที่สุดสำหรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบ Business to Business (B2B) หรือ Business to Customer (B2C) ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกคน ต้อง social distancing ซิตี้มีการให้คำแนะนำและเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการใช้บริการธนาคาร แนะนำคุณสมบัติด้านระบบดิจิทัลใหม่ๆ ที่จำเป็น โดยมาพร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลและสถาบันทั่วภูมิภาค เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกรรมได้สะดวกและง่ายดายมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนการทำธุรกรรมธนาคารสำหรับลูกค้าในด้านการบริหารความมั่งคั่ง มีบริการผู้ดูแลบัญชีที่พร้อมให้บริการคำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการลงทุนให้กับลูกค้าทั้งที่สาขาและผ่านทางโทรศัพท์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดประชุมทางวิดีโอคอลเพื่อให้ข้อมูลการลงทุนแก่ลูกค้ามีซิตี้โมบายล์ แอปพลิเคชันที่ให้ลูกค้าสามารถทำการซื้อ-ขายกองทุนได้ด้วยตัวเอง หรือตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพอร์ตการลงทุน ตลอดจนการทำธุรกรรมผ่าน Authorization Corner ฟังก์ชันที่ให้ลูกค้าสามารถทำการตรวจสอบยืนยันเอกสารคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุน ดูเอกสารที่เกี่ยวข้อง และอนุมัติการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่าน OTP เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องการเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์แก่ลูกค้า เช่น การพิสูจน์ตัวตนแบบ Multi-factor Authentication(MFA) หลากหลายรูปแบบมาตรการไบโอเมตริกซ์ (biometrics) ระบบไบโอเมตริกซ์เสียงที่ลดเวลาในการตรวจสอบยืนยันตัวตนทางคอลเซ็นเตอร์ ตลอดจนการควบคุมป้องกันการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต (phishing)ควบคู่ไปกับการนำเสนอให้ผู้คนตระหนักและมีความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์อย่างต่อเนื่อง- การเงินหลากหลายครบวงจร -
การที่ลูกค้าจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องมีสิ่งที่จะมาช่วยสนับสนุนหรือตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทำให้ประสิทธิภาพด้านบริการและการให้คำปรึกษาด้านการเงินที่หลากหลายของธนาคารหรือสถาบันการเงินเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ลูกค้ามองหา อันจะเห็นได้จากธนาคาร สถาบันการเงินทั่วโลกที่ได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการมากมายเพื่อมาตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความพร้อมของซิตี้แบงก์ในยุคดิจิทัลคือ การมีผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายแบบครบวงจร ครอบคลุม ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการเงิน การจัดหาแหล่งเงินทุน การบริหรความเสี่ยงทางการเงิน บริการธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนบริการด้านหลักทรัพย์และกองทุนด้วยความเชี่ยวชาญในการสนับสนุนหลากหลายรูปแบบแก่บริษัทชั้นนำในประเทศ สถาบันการเงิน องค์กร รัฐบาล หรือบริษัทย่อยของบริษัทข้ามชาติ ให้สามารถดำเนินธุรกิจและเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งลูกค้าสามารถวางใจได้ว่าปัญหาและความต้องการทางการเงินจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับลงทุนด้านต่างๆ ในเครือข่ายอย่างต่อเนื่องพร้อมการสนับสนุนลูกค้าในทุกตลาด ทั้งหมดนี้เพื่อมอบความสามารถในการดำเนินงานระดับโลกที่เป็นเอกลักษณ์ โดยกลยุทธ์การดำเนินงานต่อจากนี้ซิตี้แบงก์จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าสถาบันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ เนื่องจากตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเป็นอย่างมาก และมีความต้องการบริการทางเงินแบบครบวงจรมากขึ้น ซิตี้แบงก์มุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ผ่านการนำเสนอบริการทางการเงินที่โปร่งใส ด้วยประสบการณ์กว่า 2 ศตวรรษ ในการช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าฟันฝ่าความท้าทายและคว้าโอกาสที่ดีเลิศ เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจและการเติบโตของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสินทรัพย์ การให้สินเชื่อ การชำระเงิน รวมไปถึงการเป็นตัวแทนแก่ลูกค้าในการเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะการพัฒนาด้านดิจิทัลโซลูชัน เครือข่ายด้านเทคโนโลยีการเงินอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นทางเลือกและให้บริการด้านการเงินและการลงทุนสำหรับลูกค้าสถาบันอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากก่อนหน้านี้ซิตี้แบงก์รุกหนักลูกค้าบุคคลและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ความต้องการด้านการเงินของลูกค้ากลุ่มสถาบันมีโอกาสเพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสที่มาพร้อมกับความท้าทาย ด้วยการแข่งขันที่หลากหลายในยุคดิจิทัล Tibor Pandi กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม:- “30 UNDER 30” พบกับ 4 ผู้ช่วยประจำบ้าน
- เปิดเทรนด์การลงทุนในสหรัฐฯ เจาะลึกโอกาสและความท้าทาย
- “แสนสิริ” ทุ่ม 500 ล้านย้ำผู้นำ NET ZERO
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine