แสนสิริ ขยับเป้าหมายสู่ผู้นำธุรกิจ Net Zero เตรียมงบ 500 ล้านบาท ลงทุนธุรกิจรับผิดชอบสังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมวางเป้าหมายติดตั้งโชลาร์รูฟ และ สถานีชาร์จ EV สำหรับบ้านทุกหลังในโครงการของแสนสิริภายในปี 2573
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น รวมถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เป็นผลจากการปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในฐานะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากยิ่งขึ้น โดยแสนสิริได้กำหนดเป็นเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน “แสนสิริขอประกาศภารกิจสำคัญในการนำองค์กรเข้าสู่การเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ร่วมแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อม ด้วยการประกาศเป้าหมายสู่การเป็นอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่วางพันธกิจในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์อย่างเต็มรูปแบบ Net Zero ในอนาคตอันใกล้” เศรษฐากล่าว ตั้งงบลงทุน 500 ล้าน สร้างธุรกิจ Net Zero ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์องค์กร 4 ด้านหลักในการก้าวสู่ Thailand’s First Real-Estate Company to Set Target for Net-zero เพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้แก่ Process Product Partner และ Investment ซึ่งในส่วนของการลงทุน บริษัทได้ตั้งงบประมาณไว้ 500 ล้านบาท ในระยะ 3 ปี เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลดคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อพลังงานสะอาด เทคโนโลยีสุขภาพ เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีด้านอาหาร ซึ่งทุกธุรกิจจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อสังคม เป็นต้น ขณะที่กลยุทธ์ด้าน Process และ Partner บริษัทแสนสิริได้เข้าเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เข้าร่วมโครงการสนับสนุนตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับโครงการและทุกกระบวนการทำงานของแสนสิริ ให้เกิดการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม และวัดผลได้อย่างชัดเจน ส่วน Partner ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ตั้งเป้าหมายลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังร่วมกัน เช่น ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ทีโอเอ คอตโต้ และอยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันการเงิน เพื่อร่วมจัดทำสินเชื่อพิเศษ (Pre & Post Finance) ที่ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า ในด้าน Product แสนสิริ ตั้งเป้าหมายว่าทุกโครงการของแสนสิริต้องใช้พลังงานสะอาดตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป และพื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการใหม่จะติดตั้งโซลาร์ รูฟ ตลอดจนบ้านของแสนสิริที่เปิดตัวใหม่จะเป็นโซลาร์ รูฟ กว่าร้อยละ 50 ในปี 2025 และ 100 เปอร์เซ็นต์ทุกหลัง ในปี 2573 รวมถึงไฟถนนในโครงการแสนสิริทุกโครงการใหม่จะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2573 เช่นกัน นอกจากนี้ ในส่วนของการติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) จะติดตั้ง EV Charger ในทุกโครงการในปี 2568 รวมถึงจะติดตั้งในบ้านทุกหลังภายในปี 2573 รวมถึงการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มใช้ในสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 และเพิ่มเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2568 และในปี 2568 บ้านโครงการใหม่ของแสนสิริ 50 เปอร์เซ็นต์จะเป็นบ้านเย็นและประหยัดพลังงาน (Cooliving Designed Home) และเพิ่มขึ้นเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2573 “ที่สำคัญทุกโครงการแสนสิริต้องมีระบบ Waste Management เพื่อลดคาร์บอนและขยะสู่โลก โดยทุกโครงการต้องมีถังแยกขยะ (Waste to Worth) และมีเป้าหมายจับมือพันธมิตรเพื่อให้การแยกขยะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการลงทุนทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกำไรที่เกิดขึ้นต่อทุกคน” อุทัยกล่าว สำหรับผลการดำเนินงานของแสนสิริ ในช่วง 9 เดือน (ม.ค. – ก.ย. 64) ของปีนี้ มีรายได้รวม 22,097 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการในปี 2564 อ่านเพิ่มเติม: ‘บริทาเนีย’ BRI มุ่งแนวราบ เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ในปี 65 เสนอขาย IPO ที่ 10.00 – 10.50 บาทต่อหุ้นไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine