จัดพอร์ทให้พนักงานหน้าใหม่
พอดีได้มีโอกาสไปบรรยายให้กับบริษัทเอกชนแห่งนึงครับเรื่องการจัดพอร์ทการลงทุนของพนักงานเนื่องจากผู้บริหารเล็งเห็นความสำคัญของการบริหารเงินการลงทุนให้เติบโต ผมเลยสรุปเป็น 4 ประเด็นให้ได้ลองอ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์ครับ
1. น้องจบมาในจังหวะที่โลกกำลังดึงเงินออกจากระบบครับ เป็นยุคข้าวของราคาแพง ภาษาการเงินเค้าเรียก ”เงินเฟ้อ” ดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้นเต็มตัว ไม่เหมือนสิบปีที่แล้วที่ตอนนั้นเงินเต็มระบบ ดอกเบี้ยถูก การลงทุนเป็นแบบ Mania รวยด้วยหุ้น รวยด้วยอสังหามาเต็มไปหมด สมัยน้องเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย รุ่นพี่ปี 4 ในตอนนั้นของน้องก็คงเล่าให้ฟังถึงอนาคตที่สดใสด้านการเงิน เกิดชมรมคลับเล่นหุ้นในรั้วมหาลัยมากมาย น้องจะเห็นหนังสือรวยเร็วเต็มแผงเพราะเงินมันล้นตลาดเลย ราคาสินทรัพย์มันก็พุ่งๆ เอา การหาเงินง่ายๆ ไวๆ กลายเป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว กระแสมันซาไปเยอะแล้ว
ในทางกลับกันเมื่อเงินต่อเงินเริ่มยากขึ้น งานประจำที่มั่นคงกำลังจะกลับมาเป็นที่โหยหาครับ การให้บริษัทเป็นเหมือนเบาะรองรับให้เราในช่วงที่เราตั้งไข่กลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ วาทกรรมเรียนจบออกมารับเงิน 15,000 เลยเป็นมุมมองแค่ด้านเดียว โดยลืมไปว่าสิ่งแวดล้อมด้านการเงินมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว คนทำงานประจำมันคือการเริ่มต้นเป็น expert ในด้านใดด้านหนึ่งและเราก็สามารถต่อยอดจากตรงนั้นได้ ไม่จำเป็นต้องออกมารวยเร็ว ค่อยๆไปครับความช้ามันก็มีความสวยงามของมันเอง
สิ่งที่น้องต้องมีก่อนอายุ 30 คือ บาดแผลกับประสบการณ์ ส่วนเงินเดี๋ยวตามมาเอง ถ้าวิธีการมันถูก
แล้วลืมคำว่า Passion ไปก่อน เริ่มลองผิดลองถูกรัวๆ inner น้องแรงแค่ไหนแต่ถ้าไม่เริ่มทำเลยมันจบครับ overnight Success ในหนังสือแบบชนะข้ามคืนหายากมากครับ ส่วนใหญ่จะเกิดจากเก็บเล็กผสมน้อย เสริมประสบการณ์ไปเรื่อยแต่ต้องอยู่ในทิศทางเดียว เป้าหมายเดียวแบบกัดไม่ปล่อย
1.ใช่แล้ว! ในจุดที่คนส่วนใหญ่จะยอมหรือล้มเลิก ถ้าน้องไม่ยอมปล่อย เราก็จะไปถึงจุดที่คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงเช่นกัน ชีวิตของเราอีก 5 ปีข้างหน้ามันก็คือ Sum of events ของนิสัยวันนี้บวกไปอีกห้าปีนี่แหละ จะเป็นยังไงพยากรณ์ได้เลยไม่ต้องพึ่งหมอดู
2. ชีวิตเราใช้ซะก็ยังไม่ต้องเต็มที่มากนักก็ได้ รู้จักเก็บ รู้จักออม ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง รถยังไม่ต้องซื้อ ขึ้น BTS หรือ MRT ไปก่อน น้ำมันแพงขนาดนี้คิดก่อนซื้อดีๆ คอนโดยังไม่ต้องรีบเป็นเจ้าของก็ได้ ใช้ผ่อนเอาไปก่อน ไว้เรายืนได้จริงๆ วันนั้นค่อยมี Asset ก็ยังไม่สาย วันนี้ทำตัวเราให้เบาที่สุด อะไรเกิดขึ้นมาเรายังกอดเงินสดไว้กับตัว กลับไปอยู่บ้านตั้งหลักก่อนได้ แถมไม่โดนดอกเบี้ยมาตามหลอน
"Earn a decent living and live beneath your means"
3. ลืมสิ่งที่ตำราบอกเราไปก่อน อายุน้อยเสี่ยงได้มาก อายุมากเสี่ยงได้น้อย เรื่องความเสี่ยงไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เป็นเหมือนการความเสี่ยงจริงๆ ที่เรารับได้ ถ้าวันนี้อายุน้อยแต่ภาระเยอะ จะเน้นความเสี่ยงเยอะก็ไม่ไหว วันนี้อายุมากแล้วแต่เงินเยนเหลือเพียบ จะแบ่งบางส่วนมาเก็งกำไรก็เป็นเรื่องที่ทำได้ ความเสี่ยงถูกขจัดได้ด้วยความเข้าใจ ถ้าอยากลองเทรดหุ้น เข้ามาศึกษาดูเองเลย แล้วจะรู้ว่าอีกด้านของความเสี่ยงและความผันผวนมันคือโอกาส
4. แต่ต่อให้วันนี้ยังไม่มีเงิน ให้รีบศึกษาหาความรู้เรื่องการบริหารเงินให้มากที่สุด เพราะการทำ QE ออกมาในช่วงวิกฤตปี 2008 มันทำให้คนเก็บออมกลายเป็น Loser ภายในข้ามคืน Compound interest เป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ โดยเฉพาะการลงทุนกับตัวเอง ทำให้มันทบต้นไปเรื่อยๆแล้ววันนึงมันจะออกดอกออกผลเอง วาง Blueprint ของชีวิตให้ชัด
ก่อนอายุ 30 ต้องกล้าพูดว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอะไรเพราะฉะนั้นช่วงนี้ ล้มให้มากที่สุด เรียนรู้ให้มากที่สุด เข้าใจกลไกธุรกิจ เข้าใจพฤติกรรมและแรงจูงใจของคน ถัดมาก่อนอายุ 40 ต้องกล้าสร้างธุรกิจของตัวเอง กล้าใช้เครื่องมือทางการเงิน รู้จักการ Leverage ทั้งเงินและเวลาคนอื่น
และถ้าให้ดีก่อนอายุ 50 ต้องมี “อาณาจักร” ของตัวเองให้ได้ วาง Milestone เป็นลำดับขั้นตอนให้ชัด ค่อยๆย่อยมาเป็นวิธีการ เวลาเราท้อเราเหนื่อยให้กลับมาดูแผนที่ตัวนี้ จะได้รู้ว่าวันนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
เค้าว่าพลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ แต่อย่างที่บอกวันนี้คือถ้าเรามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่แล้วเดี๋ยวพลังมันมาหาเราเองเหมือนกัน
ขอตั้งใจทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ
"Live by Design not Default"
ขอให้โชคดีในการทำงานครับ