การตลาดแบบอัตโนมัติ โอกาสที่เท่าเทียมของ SMEs - Forbes Thailand

การตลาดแบบอัตโนมัติ โอกาสที่เท่าเทียมของ SMEs

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Apr 2023 | 12:28 AM
READ 7765

การตลาดแบบดั้งเดิมถูกพัฒนามาในยุคของการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในวงกว้าง (mass marketing) ธุรกิจต่างต้องใช้ต้นทุนสูงในการโฆษณาสินค้าและบริการเพื่อให้ไปปรากฏสู่สายตาของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด

    ตัวอย่างเช่นโฆษณาบนทีวีและหนังสือพิมพ์ที่ถูกจัดเป็นพื้นที่สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสูงและมีศักยภาพในการผลิตชิ้นงานโฆษณาที่มีคุณภาพและแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีสื่อเฉพาะทางในด้านต่างๆ เช่น นิตยสาร รายการวิทยุ หรืองานแสดงสินค้า แต่จำนวนสื่อเฉพาะทางในแต่ละด้านก็มีจำนวนไม่มากนัก จึงทำให้พื้นที่การโฆษณามีจำกัด 

    ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณไม่จำกัดต่างจับจองพื้นที่และกลายมาเป็นผู้ลงโฆษณารายใหญ่ในสื่อเฉพาะทางจนส่งผลทำให้ค่าโฆษณาในสื่อกลุ่มนี้ก็มีราคาแพงจนธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก (SMEs) ไม่สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างแต่โลกยุคดิจิทัลในวันนี้เต็มไปด้วยสื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหาหลากหลายครอบคลุมความสนใจของผู้คนในแทบทุกด้าน

    จากการเกิดขึ้นของ digital content creators อย่างมากมายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้รูปแบบในการทำการตลาดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    โดยปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำด้วยค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าถึงได้ผ่านเทคโนโลยีด้าน marketing automation ที่เชื่อมการขายและการตลาดเข้าด้วยกันเพื่อเข้าถึงลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล

    ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมาย ติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิดผ่าน digital content เพื่อกระตุ้นและสร้างความสนใจของลูกค้าไปตลอดกระบวนการขาย เสมือนเป็นตัวช่วยที่สนับสนุนพนักงานขายและการให้บริการหลังการขายเพื่อสร้างการซื้อซ้ำและจดจำในแบรนด์ เป็นการเพิ่มมูลค่าของลูกค้า (customer lifetime value) ส่งผลดีต่อธุรกิจในด้านการเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่าย

    ตัวอย่างการทำการตลาดแบบอัตโนมัติ เช่น บริษัท A จำหน่ายระบบโซลาร์เซลล์สำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยฝ่ายการตลาดได้มีการสร้างแคมเปญการหาลูกค้าใหม่ผ่านการแจกฟรี e-book “เทคนิคการลดค่าไฟฟ้าในโรงงานด้วยระบบโซลาร์เซลล์” โปรโมตผ่านการทำโฆษณาบน Facebook และ YouTube ที่ปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีการโฆษณาแบบอัตโนมัติด้วยระบบ AI เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจ้าของธุรกิจผู้บริหาร และกลุ่มวิศวกรของโรงงานอุตสาหกรรม

    เมื่อผู้สนใจคลิกโฆษณาจะนำพาไปยังหน้าเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูล e-book พร้อมแบบฟอร์มการลงทะเบียนเพื่อรับ e-book ระบบจะมีการส่งอีเมลแจ้งลิงก์สำหรับดาวน์โหลด e-book ให้โดยอัตโนมัติ โดยหลังจากนั้นในทุกๆ สัปดาห์ ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 7 สัปดาห์ จะมีอีเมลบทความให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงานกับผู้สนใจทีละราย

    โดยอีเมลดังกล่าวจะถูกส่งแบบอัตโนมัติไปให้ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งระบบมีการตั้งโปรแกรมไว้ว่าหากมีผู้สนใจคลิกอ่านครบ 3 บทความขึ้นไป ระบบจะส่งข้อมูลแจ้งพนักงานฝ่ายขายเพื่อทำการนำเสนอผลิตภัณฑ์ หากลูกค้าสนใจก็ดำเนินการติดตามไปจนปิดการขายในที่สุด

    นอกจากนั้น ในปัจจุบันเทคโนโลยี marketing automation ยังถูกนำไปใช้ในอีกหลายรูปแบบ เช่น การทำโฆษณาโดยใช้ AI (artificial intelligence), การโฆษณาแบบ personalization, ระบบ chatbot, ระบบ email automation, การจัดกลุ่มลูกค้าแบบอัตโนมัติ (automated customer segmentation), การทำโปรโมชั่นแบบอัตโนมัติ เช่น ส่งคูปองวันเกิด (birthday campaign) และการขายเพิ่มแบบอัตโนมัติ (up-selling & cross-selling)

    แนวโน้มในอนาคตมูลค่าตลาดของเทคโนโลยี marketing automation จะเติบโตจาก 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2020 เป็น 14.2 พันล้านเหรียญในปี 2030 (ข้อมูลจาก P&S Intelligent*) เติบโตเฉลี่ยนปีละ 12.3% และเทคโนโลยี marketing automation เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่จะมาช่วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันทางธุรกิจในโลกยุคดิจิทัลแห่งอนาคต


บทความโดย
ทรงยศ คันธมานนท์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ READY


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine