Pragma and Will Group บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการในการปรับเปลี่ยนองค์กรและทรัพยากรบุคคลประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมผนึกกำลัง Humanica ผู้ให้บริการด้าน HR โซลูชั่น เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ HR เต็มสูบ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล และเผยเทรนด์ HR ที่กำลังเข้าสู่ยุค Metaverse
ภานุวัฒน์ กาญจะโนสถ ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนบริหาร Pragma and Will Group เผยว่า “แพร็กมา แอนด์ วิลล์ กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปรับเปลี่ยนองค์กร และทรัพยากรบุคคลเพื่อให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีสู่ Digital Transformation เพื่อยกระดับองค์กรให้เติบโต โดยมีทีมงานมากประสบการณ์จากบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกมายาวนานกว่า 15 ปี ช่วยให้องค์กรใหญ่ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน รวมถึง SMEs หรือแม้แต่ธุรกิจครอบครัวในหลากหลายอุตสาหกรรม สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง”
และยังได้กล่าวต่ออีกว่า “เรามีความเชี่ยวชาญในการวางกลยุทธ์ และโดดเด่นในเรื่องการทำ execution ที่เน้นแผนการปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงเพื่อบรรลุสู่ผลลัพธ์ความสำเร็จ ด้วยวิธีการและเครื่องมือที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล อีกทั้งการเป็นบริษัทสัญชาติไทยของแพร็กมาฯ ทำให้สามารถ localization หรือนำเสนอโซลูชั่น และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของธุรกิจที่แตกต่างกัน รวมถึงวัฒนธรรมของแต่ละองค์กรได้ตรงจุด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปรับธุรกิจในรูปแบบเก่าๆ ให้ทันกับ Digital Transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
สำหรับ Pragma and Will Group นั้น จะมุ่งเน้น 4 ธุรกิจหลักด้วยกัน คือ
- Business Transformation การปรับเปลี่ยนองค์กรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทั้งโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมองค์กร การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงาน และการนำพาธุรกิจครอบครัวสู่การยกระดับการบริหารจัดการ
- Strategy Execution and PMO การวางกลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ เพื่อบริหารการเปลี่ยนแปลง
- Business Optimization & Expansion การขยายธุรกิจผ่านการควบรวม/ ซื้อกิจการ (M&A) เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ รวมถึงการตั้งธุรกิจใหม่ หรือต่อยอดความสำเร็จจากธุรกิจเดิม รวมทั้งการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
- HR Technology and Transformation การใช้เทคโนโลยีบริหารทรัพยการบุคคล โดยใช้ Data Driven เพื่อกำหนดกลยุทธ์ พัฒนาการดำเนินธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ให้พนักงาน
อีกทั้ง ทางวันเฉลิม สิริพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนบริหาร Pragma and Will Group ยังได้กล่าวด้วยว่า “ในฐานะที่ แพร็กมาฯ เป็นที่ปรึกษาองค์กรด้านทรัพยากรบุคคลที่วางกลยุทธ์และแผนการปฏิบัติการให้ลูกค้า การมี Strategic Partner จะช่วยสร้างมูลค่าของทั้งสองบริษัท เราจึงร่วมมือกับฮิวแมนิก้า เพื่อนำ Technology Platform มาช่วยสร้างความสำเร็จสำหรับลูกค้าของทั้งสองบริษัท โดยในระยะแรก จะเป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญของเราเพื่อให้ลูกค้าบรรลุผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
วันเฉลิมชี้ให้เห็นว่า การผยึกกำลังครั้งนี้จะส่งผลประโยชน์ต่อลูกค้าของทั้งสองบริษัท “ลูกค้าของแพร็กมาฯ ก็สามารถใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพของฮิวแมนิก้า เพื่อบริหารองค์กรตามแผนการที่วางไว้ ในขณะที่ลูกค้าฮิวแมนิก้าก็สามารถให้แพร็กมาฯ ช่วยออกแบบระบบการบริหารองค์กรและบุคลากรได้เช่นกัน”
สุนทร เด่นธรรม ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Humanica กล่าวถึงการร่วมมือครั้งนี้ว่า “โดยฮิวแมนิก้าเป็นผู้สร้างซอฟต์แวร์ด้านการจัดการบุคลากร ในส่วนของแพร็กมาฯ มีความเชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษา วางแผน และระบบปฏิบัติการด้าน HR ดังนั้นการร่วมมือกันครั้งนี้นับว่าเป็นการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรม HR ในภาพรวม ทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมให้ระบบนิเวศ (Ecosystem) สมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยสามารถเสนอบริการในรูปแบบ end-to-end ให้กับลูกค้า และตอบโจทย์ในการช่วยเหลือลูกค้า หรือช่วยพนักงานของลูกค้าให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น”
อีกทั้งยังได้กล่าวอีกว่าการร่วมมือกันครั้งนี้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของ HR ในอนาคตได้ เนื่องจากนี้เป็นการเชื่อมโลกใหม่และเห่าเข้าด้วยกันโโดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ของทั้ง 2 บริษัท รวมไปถึงยังได้เผยด้วยว่า ในอนาคตจะมีการสร้างสิ่งใหม่ๆ ในเชิงเทคโนโลยีร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น HR Tech หรือเครื่องมือ HR Analyticเทรนด์การบริหารคนในยุค Metaverse
ภานุวัฒน์ แห่ง Pragma and Will Group ให้ความเห็นว่า “หลายครั้งที่ประสบการณ์หรือ solution ที่เราเคยมีหรือใช้ได้ผลในอดีตไม่สามารถนำมาใช้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคโลกเสมือนที่รูปแบบการทำงานจะเปลี่ยนไปอย่างมาก (New way of work)”
โดยยังเผยต่ออีกว่า ทุกองค์กรมีการพูดถึง Transformation โดยส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่อง Technology เป็นหลัก แต่ความท้าทายที่สำคัญคือการสร้าง Ecosystem ที่เชื่อมโยงปัจจัยหลักทั้ง 4 ด้านไว้ด้วยกัน
- วัฒนธรรมองค์กรที่หลากหลายจากรูปแบบธุรกิจที่มีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะองค์กรที่มีการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ (evolve business model) ในขณะที่รูปแบบธุรกิจเดิมยังต้องดำเนินต่อไป
- การบริหารจัดการองค์กรที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบโครงสร้างองค์กรแบบเดิม ๆ ที่ไม่ยึดติดแค่โครงสร้างแบบปิรามิด หรือ Hierarchical เท่านั้น โครงสร้างแบบ Agile หรือ Project based หรือ โครงสร้างแบบ Platform ที่มีลักษณะการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน
- คนที่เป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงยากที่สุดทั้งในเชิงความคิด ความต้องการ และทักษะความสามารถที่แตกต่าง เข้าด้วยกัน
- Technology ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่ม Productivity ให้องค์กร เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดผลได้จริงอย่างยั่งยืน โจทย์และความท้าทายที่สำคัญของ HR คือการเปลี่ยนบทบาทของตัวเองให้เป็นผู้ออกแบบ solution (solution architecture) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน
ส่วนทางสุนทร จาก Humanica เผยว่า “เมื่อเราเริ่มเข้าสู่ยุค Metaverse องค์กรควรสร้างระบบ HR เพื่อรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปสู่ Hybrid workplace ให้พนักงานสามารถยืดหยุ่นเรื่องสถานที่ทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทีมกับองค์กรลดลงตามไปด้วย ดังนั้นอาจจะต้องมีการใช้เทคโนโลยีอย่าง AR หรือ VR เพื่อสร้างความใกล้ชิดของพนักงานในโลกเสมือน หรือแม้แต่การสร้างระบบการวัดผลการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อลดปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่ไม่ได้เข้าออฟฟิศ รวมถึงกำหนดเกณฑ์การเติบโต และการให้ผลตอบแทนแก่พนักงาน”
วันเฉลิม จาก Pragma and Will Group กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุค Metaverse คือ การสร้างทักษะ (Skill) ใหม่ๆ ให้กับคนในองค์กร เพราะโลกเสมือนจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการแข่งขันขององค์กรต่าง ๆ” และยังกล่าวต่ออีกว่า “นอกเหนือจาก technical skill ต่าง ๆ ที่จำเป็นกับงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทีมและภายในทีม โดยองค์กรต้องบริหารความท้าทายในการทำ Virtual และ face-to-face ให้สมดุลกัน”
อ่านเพิ่มเติม: กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม "PROEN" ตอบทุกโจทย์ ICTไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine