Jack Ma หนุน “ยุคแห่งหญิง” พร้อมชูพลัง “Big Data” - Forbes Thailand

Jack Ma หนุน “ยุคแห่งหญิง” พร้อมชูพลัง “Big Data”

เมื่อโลกการค้าต้องตระหนักถึงศักยภาพของผู้หญิง ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สามข้อที่ Jack Ma ผู้เป็น Founder & Executive Chairman ของ Alibaba Group บริษัทยักษ์ใหญ่ที่สร้างประวัติศาสตร์การค้าไร้พรมแดนเน้นอยู่เสมอคือ “ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ผู้หญิง และคนรุ่นใหม่” ซึ่งไม่ว่าเขาจะขึ้นเวทีถ่ายทอดประสบการณ์ที่ไหนก็มักจะเอ่ยถึงอยู่เสมอ เพราะทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันให้เศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกรุดหน้ายิ่งขึ้น ประเด็นดังกล่าวได้รับการตอกย้ำอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อ Alibaba Group จัดประชุมใหญ่ในหัวข้อ “Global Conference on Women and Entrepreneurship” ที่เมือง Hangzhou มณฑล Zhejiang ประเทศจีน ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท และเป็นบ้านเกิดของ Ma เพื่อสนับสนุนผู้หญิงให้มีบทบาทมากขึ้นในโลกธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ได้คาดการณ์ทิศทางในอนาคตของผู้ประกอบการทางอินเทอร์เน็ตที่ต้องวิเคราะห์ Big Data อย่างละเอียดผ่านการประชุม “Global Netrepreneur Conference” เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และการผสมผสานระหว่างโลกออนไลน์-ออฟไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์การค้าแบบไร้รอยต่อ  

หนุนพลังหญิง

The United States Census Bureau หน่วยงานด้านการเก็บสถิติของสหรัฐอเมริการะบุว่า ประชากรโลกนับถึงปีนี้อยู่ที่ราว 7.4 พันล้านคน แบ่งเป็นชาย 3.73 พันล้านคน และหญิง 3.67 พันล้านคน แม้มีจำนวนใกล้เคียงกัน แต่ Dr. Jim Yong Kim ซึ่งเป็น President ของ World Bank Group ได้เผยว่า ช่องว่างระหว่างชายหญิงในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยังต่างกันราว 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และผู้หญิงในภาคแรงงานก็มีน้อยกว่าผู้ชาย 27% ทางหนึ่งในการลดช่องว่างคือจับมือกับภาคเอกชน เช่น Ant Financial Services ธุรกิจด้านการเงินภายใต้ Alibaba Group ในการนำเทคโนโลยีมาให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ผู้หญิง ซึ่งด้วยเงินทุน การอบรม และการสนับสนุนอื่นๆ ก็น่าจะช่วยให้ผู้หญิงนับล้านมีโอกาสทางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วน Ma ที่ยกย่องพลังหญิงมาตลอดก็กล่าวว่า ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba 18 คน มี 6 คนที่เป็นผู้หญิง ส่วนบริษัทมีพนักงานหญิง 47% จากพนักงานทั้งหมดกว่า 50,000 คน และสัดส่วนผู้บริหารหญิงอยู่ที่ 34% จากผู้บริหารทั้งหมด “ผมภูมิใจที่ Alibaba Group มีพนักงานหญิงเป็นจำนวนมาก เพราะพวกเขาคือเคล็ดลับความสำเร็จของเรา” ในโลกธุรกิจออนไลน์นั้น Ma เห็นว่าผู้ชายจะให้ความสำคัญกับข้อมูลและข้อเท็จจริง ส่วนผู้หญิงจะใส่ใจเรื่องรายละเอียดต่างๆ และประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าซึ่งปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้ แต่เรื่องการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้านั้น AI ยังทดแทนผู้หญิงไม่ได้ ด้านการค้าในศตวรรษที่ 21 ธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่อีกต่อไป แต่ต้อง “เล็กแต่ยิ่งใหญ่” ซึ่งผู้ประกอบการหญิงที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ของ Alibaba Group ที่มีอยู่ราว 40% มีศักยภาพเติบโตไปในทิศทางนี้ และผู้ประกอบการหญิงก็มักใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหาสินค้ามาจำหน่าย ช่วยสร้างความพิเศษให้ลูกค้าที่ต้องการสินค้าเฉพาะตน ถึงผู้หญิงจะทัดเทียมผู้ชายมากขึ้นในโลกยุคใหม่ แต่หลายสังคมก็ยังมีค่านิยมให้ผู้หญิงเป็นผู้ตาม ซึ่ง Ma ก็ได้กระตุ้นให้ผู้หญิงใช้ความเฉลียวฉลาด ใช้สติปัญญาและศักยภาพที่มีในตัวไม่แพ้ผู้ชาย เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ แทนการใช้ชีวิตด้วยความคิดที่คนอื่นกำหนดไว้ “เมื่อคนมากมายเห็นว่าผมชื่นชมผู้หญิงอยู่เสมอ พวกเขาก็มักถามผมว่าถ้าชาติหน้ามีจริงอยากเกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมตอบว่าอยากเกิดเป็นผู้หญิง เพราะจะได้ให้กำเนิดลูกชายหญิง 2 คน เพื่อให้เขาโตขึ้นไปสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่กันคนละแห่ง”  

ใช้ประโยชน์จาก Big Data

ข้อมูลมหาศาลที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแทบจะตลอดเวลา คือ “Big Data” ขุมสมบัติล้ำค่าที่องค์กรสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ Ma กล่าวว่าอีก 10 ปีข้างหน้า Big Data และเทคโนโลยีคลาวด์จะทวีความสำคัญ อินเทอร์เน็ตจะมีอิทธิพลต่อกระบวนการผลิตทั้งหมด การค้าขายจะเป็น C2B (ผู้บริโภคกับธุรกิจ) หมายความว่าการผลิตจะไม่ได้มีปริมาณมากอีกต่อไป เพราะผู้บริโภคจะมีบทบาทกำหนดปัจจัยการผลิตให้ตรงกับความต้องการเฉพาะ
Jack Ma ในงาน Global Netrepreneur Conference
“เราอยู่ในยุค IoT ที่ทุกอย่างอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตและเดินหน้าด้วยข้อมูล การผลิตแบบ customization อาจมีต้นทุนสูงในวันนี้ แต่ถ้าบริษัทไม่ปรับตัวก็จะอยู่ไม่ได้ในอนาคต และบริษัทต้องมีมุมมองในระดับโลก ไม่อย่างนั้นก็จะแข่งขันไม่ได้” เขายังบอกถึงเป้าหมายใน 7 ปีข้างหน้าด้วยว่าต้องติดต่อกับผู้ซื้อ ผู้ขาย และพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้เร็วขึ้น ต้องจัดส่งสินค้าภายในจีนให้ได้ใน 24 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมงทั่วโลก นอกจากนี้ ภายในปี 2036 จะต้องผสานธุรกิจออนไลน์กับออฟไลน์เข้าด้วยกัน พร้อมตั้งเป้าให้บริการลูกค้า 2 พันล้านราย และ 10 ล้านบริษัท รวมทั้งหากเทียบ Alibaba Group เป็นประเทศก็หวังจะให้ GMV (Gross Merchandise Value - มูลค่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม) ของบริษัทมีมูลค่าเทียบเท่าขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 5 ของโลก
Ma ตั้งเป้าให้ Alibaba Group มีการจัดการโลจิสติกส์ที่เร็วขึ้น โดยส่งสินค้าภายในประเทศจีนใน 24 ชั่วโมง และทั่วโลกไม่เกิน 72 ชั่วโมง (Photo Credit: South China Morning Post/Reuters)
Xiaomi Inc. ผู้ผลิต Xiaomi หนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนขวัญใจชาวจีน ที่ผงาดขึ้นมาตีตลาดได้ในระดับโลกและสร้างรายได้เกิน 1 หมื่นล้านเหรียญ คือตัวอย่างหนึ่งของการทำการค้าเชื่อมต่อโลกออนไลน์-ออฟไลน์เข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี Lei Jun ผู้เป็น Founder, CEO & Chairman ของ Xiaomi Inc. เล่าว่าก่อตั้งบริษัทปี 2010 ในช่วงที่สมาร์ทโฟนเมืองจีนแข่งขันรุนแรง มีคู่แข่งอย่างแบรนด์ Huawei, Lenovo เป็นต้น บริษัทจึงทุ่มทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ต่อสู้ “ความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดสินค้าที่ดี เพราะถ้าไม่ดีก็จะไม่มีใครพูดถึง” เขาย้ำ แล้วเอ่ยถึงผลงานพัฒนาล่าสุดอย่างหน้าจอสมาร์ทโฟนบางรุ่นซึ่งมีพื้นที่ 91.3% ของตัวเครื่อง และชิพ S1 ซึ่งใช้ประมวลผล ทว่า เทคโนโลยีอย่างเดียวคงไม่พอที่จะทำให้ชาวจีนหันมาซื้อ Xiaomi ดังนั้น Jun จึงบุกตลาดด้วยการเปิดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และมีแฟล็กชิพสโตร์บนแพลตฟอร์ม Tmall ของ Alibaba Group
Lei Jun Founder, CEO & Chairman ของ Xiaomi Inc. บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Xiaomi ขวัญใจชาวจีน (Photo Credit: Forbes.com)
“เราต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า” Jun บอก Xiaomi ยังผลิตสินค้าอื่นๆ เช่น สายรัดข้อมือ โทรทัศน์ โดรน ฯลฯ แล้วก้าวสู่การขายในโลกออฟไลน์ด้วยการเปิดร้าน Mi Home ทั้งในจีนและต่างประเทศรวมกว่าร้อยแห่ง (และวางแผนจะเปิดให้ถึง 2,000 แห่งภายในปี 2020) ซึ่งยอดขายของ Mi Home ในห้างสรรพสินค้าจีนบางแห่งคิดเป็นราว 10% ของยอดขายห้างเลยทีเดียว “การค้าปลีกแบบใหม่ในยุคนี้ คือการลบช่องว่างระหว่างโลกออนไลน์กับออฟไลน์และทำให้ทั้งสองช่องทางเชื่อมต่อกันได้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า เช่น Xiaomi ที่เริ่มจากออนไลน์ไปออฟไลน์” Jun ให้ความเห็น ท่ามกลางกระแสธุรกิจอันเชี่ยวกรากการปรับตัวให้ทันและตอบสนองลูกค้าให้ไวยังคงเป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพเสมอ