SoftBank วิกฤตหนัก หลังผลดำเนินงานล่าสุดขาดทุนหนักสุด 1.27 หมื่นล้านเหรียญ ทั้งกรรมการบิ๊กเนมอย่าง Jack Ma ลาออก
SoftBank สูญเสียคณะกรรมการรายใหญ่ของบริษัท หลังผลประกอบการขาดทุนหนักจากผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น และอาการที่ไม่ค่อยดีนักของบริษัทเทคโนโลยีที่ SoftBank ลงทุนไว้
โดย SoftBank รายงานผลการดำเนินประจำปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทขาดทุน 1.36 ล้านล้านเยน (1.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่แย่ที่สุดที่เคยมีมา
ผลการดำเนินงานนี้เป็นไปตามการคาดการณ์ของบริษัทแม่ผู้ขับเคลื่อนการดำเนินงานส่วนใหญ่ในบริษัทอย่าง Vision Fund กองทุนเทคโนโลยีมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญที่มีผู้ก่อตั้งและซีอีโอ SoftBank อย่าง Masayoshi Son คุมหางเสือไว้
ทั้งนี้ Vision Fund และกองทุนในเครือประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานราว 1.9 ล้านล้านเยน (1.77 หมื่นล้านเหรียญ) สำหรับปีงบการเงินล่าสุดที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังมูลค่าของ Uber, WeWork และธุรกิจอื่นๆ ในพอร์ตได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19
“นี่เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของพวกเราหลายคน” Son กล่าว ซึ่งหมายถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งนี้ทำให้สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น (บริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าอย่างน้อย 1 พันล้านเหรียญ) หลายบริษัทของ Vision Fund มีสภาพเหมือนตกลงไปหุบเขาลึก
นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา SoftBank ยังประกาศอีกว่าผู้ก่อตั้ง Aibaba อย่าง Jack Ma ได้ตัดสินใจลาออกจากคณะกรรมการบริษัท โดย Ma ผู้ที่ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทอี-คอมเมิร์ซจีน ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการของ SoftBank มาเป็นเวลาเกือบ 13 ปี
เขาเป็นสมาชิกของบอร์ดรายล่าสุดที่ตัดสินใจลาออก หลังก่อนหน้านี้มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Fast Retailing อย่าง Tadashi Yanai ลาออกไปเมื่อปลายปีก่อน
การลาออกของ Ma เป็นที่น่าประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากเขามีความสนิทสนมกับ Son ผู้ที่ลงทุน 20 ล้านเหรียญใน Alibaba ในปี 2000 จน Alibaba กลายเป็นบริษัทที่มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญจากการเข้าตลาดและเปิดระดมทุนในปี 2014
ก่อนการระบาดครั้งนี้จะเกิดขึ้น Son กล่าวว่า เขาได้ไปดินเนอร์กับ Ma ทุกเดือน เป็นการพบปะเพื่อพูดคุยถึงชีวิตและธุรกิจ “เราจะยังคงเป็นเพื่อนกันตลอดชีวิต ผมเชื่อแบบนั้น” เขากล่าว
การก้าวจากไปของ Ma เกิดขึ้นหลังจาก SoftBank ออกมาตรการสนับสนุนด้านการเงินมากมาย รวมถึงแผนการขายสินทรัพย์มูลค่า 4.1 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อซื้อหุ้นคืนและลดภาระหนี้ก้อนโตของบริษัท
Son เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้รับเงินทุน 1.15 หมื่นล้านเหรียญ โดยใช้หุ้นของ Alibaba เป็นหลักประกัน ซึ่ง SoftBank ถือหุ้นสัดส่วน 25.1% ใน Alibaba โดยมีมูลค่ามากกว่า 1.33 แสนล้านเหรียญ
เมื่อพูดถึงโอกาสที่ SoftBank จะลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี Son กล่าวว่า บางบริษัทจะ “สามารถกระโดดข้ามหุบเขา และบินขึ้นมาได้” หลังวิกฤต
ทั้งนี้ จากบริษัททั้งหมด 88 บริษัทในพอร์ตของ Vision Fund Son คาดการณ์ว่าจะมีบริษัท 15 รายที่จะล้มละลาย, 15 บริษัทจะฝ่าวิกฤตออกไปได้และประสบความสำเร็จ และส่วนที่เหลือจะอยู่รอด แต่ไม่สร้างผลตอบแทนที่มีความหมายใดๆ
เขาบอกว่า การลงทุนขนาดใหญ่ในหลายบริษัท เช่น Didi ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถในจีน นั้นสามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างดี และมีโอกาสดีๆ จากการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 แต่ไม่ใช่กับอีกหนึ่งบริษัทในพอร์ตอย่าง WeWork
“การลงทุนใน WeWork ของเรานั้นล้มเหลว ซึ่งผมได้ยอมรับในเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว” เขากล่าว
ถึงกระนั้น Son ไม่ได้บอกว่า WeWork จะไปถึงขั้นล้มละลาย เขายังตั้งข้อสังเกตว่าวิกฤตไวรัสโคโรนาส่งผลให้บริษัทต่างๆ ต้องทบทวนเรื่องการทำสัญญาเช่าสำนักงานในระยะยาว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทผู้ให้บริการ co-working ในอนาคต
SoftBank ยังระบุอีกว่า บริษัทจะซื้อหุ้นคืนราว 5 แสนล้านเเยน (4.7 พันล้านเหรียญ) ซึ่งเป็นมูลค่าราคราหุ้นในปีหน้า โดยถือเป็นการซื้อหุ้นคืนในมูลค่าขนาดนี้ครั้งที่ 2 ของ SoftBank ตั้งแต่เดือนมีนาคม
แปลและเรียบเรียงจาก SoftBank loses Jack Ma from its board and posts worst loss everไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine