การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของไมเนอร์ มาจากการทุ่มเงิน 8.8 หมื่นล้านบาทเข้าซื้อเครือ NH Hotel Group ยักษ์ใหญ่วงการโรงแรมอันดับ 6 ของยุโรป เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ทำให้แหล่งรายได้ของไมเนอร์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 52% เป็นกว่า 70% ซึ่งหลังจากได้ NH เข้ามาในพอร์ต Heinecke เตรียมรีแบรนดิ้งโรงแรมในเครือให้เป็นแบรนดื Anantara และแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่เดิม
พอร์ตของกลุ่มไมเนอร์ที่มีอยู่เดิมนั้นมีทั้งเชนโรงแรม Anantara, Four Seasons, St Regis และ Tivoli ซึ่งเป็นแบรนด์จากโปรตุเกส นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ร้านอาหารอย่าง Swensens, Sizzler, Dairy Queen และ Burger King
ผู้มีความกระตือรือร้นสูงอย่าง Heinecke มีคอลเล็กชันรถยนต์กับจักรยานยนต์ถึง 36 คันในครอบครอง
William Heinecke วัย 70 ปี สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติการณ์ที่ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ด้วยการสละตำแหน่งซีอีโอเมื่อเดือนมกราคม หลังจากนั่งในตำแหน่งนี้มา 53 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1967 Dillip Rajakarier ชาวอังกฤษผู้เข้ามาร่วมงานกับไมเนอร์ในปี 2550 รับตำแหน่งต่อจาก Heinecke และยังคงนั่งในตำแหน่งซีอีโอของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในปัจจุบันไปพร้อมกันด้วย และปัจจุบัน Heinecke เป็นประธานกรรมการบริหาร “ผมไม่ได้มองว่านี่คือการก้าวลงจากตำแหน่ง” เขากล่าว “ผมเรียกว่าเป็นการก้าวขึ้นไป”
การซื้อกิจการดังกล่าวช่วยให้ไมเนอร์มีกำไรทั้งปี 2019 พุ่งขึ้นถึง 137% เป็น 1.1 หมื่นล้านบาท (341 ล้านเหรียญ) แต่แม้จะมีผลประกอบการดี หุ้นไมเนอร์ก็ยังตกเนื่องจากความหวาดกลัวไวรัสโคโรนา และทรัพย์สินสุทธิของ Heinecke ก็ลดลง 36% เหลือ 1.15 พันล้านเหรียญ
เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม Heinecke ประกาศแผนปิดโรงแรมในกรุงเทพฯ และเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสอย่างเข้มงวดมากขึ้น “นี่คือความท้าทายครั้งใหญ่” เขากล่าว “แต่ประเทศไทยสู้มาได้เสมอ และผมเชื่อมั่นว่าเราจะสู้ได้อีกครั้ง”