เอส โฮเทล เปิด 'SO/ Maldives' แฟชั่นรีสอร์ตสุดหรูคู่ความยั่งยืน - Forbes Thailand

เอส โฮเทล เปิด 'SO/ Maldives' แฟชั่นรีสอร์ตสุดหรูคู่ความยั่งยืน

เอส โฮเทล ขยายอาณาจักรโรงแรม-รีสอร์ต เปิด 'SO/ Maldives' โรงแรมแห่งที่สามในบิ๊กโปรเจกต์ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” เพิ่มสีสันด้วยแฟชั่นรีสอร์ตสุดฮิปเชน Accor บนเกาะสวรรค์แบบ Man-Made


    พื้นที่กว่า 90,000 ตารางกิโลเมตร ในมหาสมุทรอินเดีย คืออาณาเขตของสาธารณรัฐมัลดีฟส์ (Republic of Maldives) หรือประเทศมัลดีฟส์ (Maldives) แหล่งท่องเที่ยวกลางทะเลเลื่องชื่อ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ถึง 99% เป็นท้องทะเล มีพื้นดินเพียง 300 ตารางกิโลเมตรเป็นเกาะน้อยใหญ่นับรวมกันได้กว่า 1,192 เกาะ และ 26 อะตอล (Atoll) กลุ่มเกาะปะการังรูปวงแหวน ซึ่งกระจายตัวอยู่รายรอบ

    นอกจากเกาะที่เกิดโดยธรรมชาติแล้ว มัลดีฟส์ยังมีเกาะที่สร้างขึ้นใหม่ (Man-Made Islands) ดังเช่นโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) ของสิงห์ โฮเทล หรือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) SHR ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ในเครือสิงห์ เอสเตท อีกหนึ่งธุรกิจหลักของตระกูลภิรมย์ภักดี มหาเศรษฐีไทยผู้ร่ำรวยอันดับที่ 15 ตามการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2566 โดยนิตยสาร Forbes

    ปี 2566 ตระกูลภิรมย์ภักดี (สันติ ภิรมย์ภักดี) มีทรัพย์สินในการถือครองกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 7.04 หมื่นล้านบาท มีธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม คือ อาหาร-เครื่องดื่ม (แบรนด์ สิงห์) และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (สิงห์ เอสเตท) โดยเอส โฮเทลฯ เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นเฉพาะธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ปัจจุบัน SHR เป็นเจ้าของโรงแรม-รีสอร์ตหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีทั้งบริหารโดยเชนโรงแรมระดับนานาชาติ และแบรนด์ที่สร้างขึ้นเองเพื่อขยายเชนโรงแรมไทยไปสู่สากล


เกาะสวรรค์บนความยั่งยืน

    ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เป็นการพัฒนาเกาะสวรรค์ เพื่อเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวทางทะเลแบบครบวงจร ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ในแผนพัฒนาซึ่งสิงห์ เอสเตท ได้สัมปทานพื้นที่ในทะเลกว่า 14 ตารางกิโลเมตร นำมาเนรมิตรเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยการถมทะเลสร้างเกาะขึ้นใหม่จำนวน 9 เกาะ พร้อมสร้างโรงแรมและบริการมารีน่าต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สมบูรณ์แบบ


    นอกจากรองรับนักท่องเที่ยวมาพักในรีสอร์ตแล้ว ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ยังให้บริการแบบ One Day Trip สำหรับนักท่องเที่ยวที่ข้ามฟากจากเมืองหลวงมาเล่ (Male’) โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการนั่งสปีดโบ้ตมาเที่ยวชมและสัมผัสกิจกรรมความบันเทิงทางทะเลที่ “เดอะ มาริน่า แอท ครอสโร้ดส์” ซึ่งมีทั้ง บีชคลับ ร้านค้าหลากหลาย ร้านอาหารนานาชาติ บาร์ ร้านบูติก ศูนย์สุขภาพและสปา กีฬาทางน้ำ ศูนย์ดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น คิดส์คลับ รวมถึงท่าจอดเรือยอทช์รองรับได้ 30 ลำ

    ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ยังมีศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรม (Maldives Discovery Centre) และศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre) ที่มุ่งมั่นด้านการศึกษาและอนุรักษ์ชีวิตใต้ท้องทะเลให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและครบครัน ทำให้ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เป็นเกาะท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ซึ่งเกิดจากการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด

    โครงการนี้เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2562 เป็นโครงการลงทุนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ซึ่งประกอบด้วยรีสอร์ต 3 แห่ง ได้แก่ “ทราย ลากูน มัลดีฟส์, คูริโอ คอลเลคชั่น บาย ฮิลตัน” (SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton) ซึ่งเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนสำหรับคู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อนที่มองหาความเงียบสงบ และกิจกรรมสนุกมากมาย


    “ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์” (Hard Rock Hotel Maldives) เป็นรีสอร์ตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมท้องถิ่น และกลิ่นอายดนตรีแบบต้นตำรับที่เป็นเอกลักษณ์ และ “โซ/ มัลดีฟส์” (SO/ Maldives) รีสอร์ตระดับไฮเอนด์บนเกาะส่วนตัว สวรรค์ของนักเดินทางผู้หลงใหลในแฟชั่นและศิลปะ โดยรีสอร์ตทั้งสามแห่งเชื่อมต่อกับ “เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์” (The Marina @ CROSSROADS) ศูนย์รวมกิจกรรมอันหลากหลายของโครงการ

    ทางเดินชายหาดยาวกว่า 800 เมตร เรียงรายไปด้วยร้านอาหารนานาชาติ บาร์ บีชคลับ ร้านค้าบูติก ศูนย์สุขภาพ สปา และกีฬาทางน้ำ ทำให้ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เปรียบได้กับสวรรค์ของนักเดินทาง และเป็นมาตรฐานใหม่ของความเป็นเลิศในการบริการและการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ


    หาดทรายขาวละเอียด เป็นแบ็กกราวนด์ที่ทำให้น้ำทะเลในมัลดีฟส์ใสกระจาย เปล่งประกายโทนสีฟ้าใสอมเขียวแบบสีเทอร์ควอยซ์ทั่วทั้งผืนน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการครอสโร้ดส์ ทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสดุจกระจกได้รับการวางผัง จัดพื้นที่ชายหาดและรีสอร์ตได้ลงตัวตามต้องการ รวมทั้งการอนุบาลและปลูกปะการัง ที่ดำเนินควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการ ยิ่งทำให้เกาะสวรรค์ในครอสโร้ดส์ มีความโดดเด่น และกลมกลืนไปกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

    นอกจากชายหาดที่สวยงาม และศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติทางทะเลแล้ว กิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ของรีสอร์ตทั้ง 3 แห่งที่ครอสโร้ดส์ คือการนำนักท่องเที่ยวไปเรียนรู้การปลูกปะการัง และนำนักท่องเที่ยวดำน้ำตื่นเพื่อชมพื้นที่อนุบาลปะการังปลูกใหม่ ที่กำลังฟื้นฟูซึ่งคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างสมบูรณ์



    อีกกิจกรรมทางน้ำที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดสำคัญของมัลดีฟส์ คือการดำน้ำตื้นชมปลาฉลาม ในพื้นที่ทะเลร่องน้ำระดับปานกลาง มีฝูงฉลามพยาบาล (Nurse Shark) หรือฉลามขี้เซา (Sleepy Shark) แม้จะตัวใหญ่แต่ฉลามเหล่านี้ไม่ทำร้ายคน นักท่องเที่ยวสามารถลงไปว่ายน้ำหรือดำน้ำตื่น (Snorkeling) เล่นกับพวกมันได้อย่างสนุกสนาน


    การมีปะการังเกิดใหม่ที่ฟื้นฟูด้วยวิธีธรรมชาติ และมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ แวะเวียนเข้ามาถึงชายหาดใต้วิลล่าที่สร้างค่อมน้ำทะเลให้ได้เห็นทุกเช้า-เย็น สะท้อนการอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นเกาะที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยฝีมือมนุษย์แต่สามารถคงความธรรมชาติ กระทั่งสัตว์ทะเลรู้สึมกลมกลืนและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการไปโดยปริยาย นับเป็นอีกมนตร์เสน่ห์ที่จับต้องได้ในโครงการครอสโร้ดส์ฯ

    เป็นอีกหนึ่งความยั่งยืนของพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ และไม่ทำลายวงจรชีวิตของสรรพสัตว์ในท้องทะเล ทั้งปะการัง เต่าทะเล ปูทะเลริมหาด ปลาทะเลน้อยใหญ่ ปลากระเบน แม้กระทั่งเหล่าปลาฉลามที่บางวันว่ายวนเข้ามาถึงชายทะเลในที่พักริมหาด


สีสันใหม่ “โซ/ มัลดีฟส์”

    กิจกรรมทางทะเลที่เป็นเสน่ห์เหล่านี้ ได้รับการเพิ่มสีสันมากขึ้นเมื่อ “โซ/ มัลดีฟส์” เปิดบริการเป็นโรงแรมแห่งที่สาม และได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อค่ำวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา รีสอร์ตแห่งนี้เป็นการร่วมทุนมูลค่ากว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในเครือสิงห์ เอสเตท และ Wai Eco World Developer (WEWD) กลุ่มธุรกิจชั้นนำจากเมียนมา ดำเนินงานโดย เอนนิสมอร์ (Ennismore) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการต้อนรับและบริการที่มีคอนเซปต์สร้างสรรค์

    ประกอบด้วยคอลเลกชั่นแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงร้านอาหารและบาร์ทั่วโลก ตั้งอยู่ใน เอ็มบูดู ลากูน (Emboodhoo Lagoon) หมู่เกาะคาฟุ (Kaafu Atoll) ต้อนรับนักเดินทางด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที จากสนามบินนานาชาติมัลดีฟส์ เวลานา โดยสปีดโบ้ต ทำให้เดินทางมาพักผ่อนได้สะดวกในช่วงสั้นๆ และระยะยาว


    “see-and-be-seen” หรือการเป็นที่รู้จักและโดดเด่น คือธีมของโรงแรมแห่งที่สามนี้ ซึ่งมีความหลากหลายของห้องพักที่ประกอบด้วย คอลเลกชั่น “Beach Villa” วิลล่าริมทะเล และ “Water Villa” วิลล่าเหนือน้ำ ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากห้องแต่งตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟของสุดยอดนางแบบ เพื่อเป็นสถานที่พักสไตล์เซ็กซี่และหรูหรา พร้อมประสบการณ์ด้านอาหารหลากหลาย ที่ “Lazuli Beach Club” ในบรรยากาศปาร์ตี้ยามค่ำคืน และสนุกกับการมิกซ์เพลงของดีเจระดับโลก ไปจนถึง “Wellness Camp” ศูนย์การผ่อนคลายแบบองค์รวม และศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรทันสมัย


    “โซ/ มัลดีฟส์” ออกแบบในสไตล์ “Island Couture” บนจุดหมายปลายทางใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสันของแฟชั่นที่หลากหลาย Michael David Marshall ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทลฯ เผยว่าหลังเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ (soft opening) มา 4 เดือน ได้การตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวนผู้เข้าพักเพิ่มขึ้นเกือบ 60% และคาดว่าอัตราค่าห้องพักรายวันเฉลี่ย (ADR) ในปี 2567 นี้ จะอยู่ที่ 750-850 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ ADR กลุ่มโรงแรมในมัลดีฟส์เพิ่มขึ้น 15-20% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2566 และเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอกย้ำ SHR เรื่องศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดย RevPAR (Revenue Per Available Room) รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดในโรงแรมในปี 2567 คาดว่าจะ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมา


    การขายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สร้างรายได้ให้กับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท โดยที่ เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์ มีร้านอาหารและบาร์หลากหลายถึง 14 แห่ง พร้อมให้บริการแก่ผู้เข้าพักที่ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ อาทิ “เดอะ บีช คลับ” (The Beach Club) จุดศูนย์รวมร้านอาหารสุดพรีเมียมริมทะเล สระว่ายน้ำแบบไร้ขอบวิวทะเล เจลาโต้บาร์ ร้านค้า และบาร์

    รวมถึงแบรนด์ระดับโลก อาทิ Ministry of Crab (ติดอันดับ Asia’s 50 Best Restaurants) และฮาร์ดร็อคคาเฟ่ (Hard Rock Café) บาร์ชื่อดัง นักชิมและผู้เข้าพักมีตัวเลือกการรับประทานอาหารที่น่าประทับใจมากมาย


    ร้านอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ส่งผลให้ยอดขายอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และการเปิดตัว โซ/ มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ The Citronelle Club แหล่งรับประทานอาหารสุดหรูหราที่ให้บริการตลอดทั้งวัน และ “Hadaba” ร้านอาหารตะวันออกกลางอันเป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ต และ “Lazuli Beach Club” ช่วยทำให้รายได้อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของเอส โฮเทลฯ ที่ต้องการเพิ่มรายได้อื่นที่ไม่ใช่ห้องพัก (non-room revenue)

    “ปีที่ผ่านมารายได้จากโครงการในมัลดีฟส์ คิดเป็น 27% ของรายได้ทั่วโลกของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต ถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากสหราชอาณาจักร” ซีอีโอเอส โฮเทลฯ ย้ำและว่าหลังจากเปิดตัว โซ/ มัลดีฟส์ อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม คาดว่าสัดส่วนรายได้จากมัลดีฟส์จะเพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปีนี้ และพบสัญญาณค่อนข้างดีจากยอดจองล่วงหน้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง


    “การเปิดตัว โซ/ มัลดีฟส์ ถือเป็นก้าวสำคัญของเอส โฮเทลฯ ทำให้เฟสแรกในการพัฒนาครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์สำเร็จได้ตามเป้าหมาย และรีสอร์ตแห่งนี้จะเติมเต็มที่พักในมัลดีฟส์ได้สมบูรณ์แบบ” Marshall ย้ำว่าโซ/ มัลดีฟจะเพิ่มความน่าดึงดูดด้วยประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมถึงงานปาร์ตี้และกิจกรรมที่เร้าใจที่สุดในมหาสมุทรอินเดีย และคาดว่า โซ/ มัลดีฟส์ จะยกระดับรายได้ของกลุ่มและสร้างประโยชน์ระยะยาวสำหรับธุรกิจทั้งหมดของเอส โฮเทลฯ ในมัลดีฟส์


    โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท (SO/ Hotels & Resorts) เป็นแบรนด์โรงแรมที่เน้นความมีชีวิตชีวา กล้าแสดงออก และพลังความกระตือรือร้นที่ได้แรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ด้วยมนตร์เสน่ห์ในความสนุกสนานและความเพลิดเพลิน โซ/ เป็นแบรนด์โรงแรมระดับโลกที่เต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ และให้นิยามใหม่ของความลักซ์ชัวรีที่สนุกสนาน ด้วยการนำเสนอดีไซน์ล้ำสมัย ความหลงใหลในแฟชั่นและดนตรี ด้วยบริการ ‘Just Say SO’ ตลอดจนถึงบาร์และอีเวนต์ที่เร้าใจ

    “โซ/” เคยเป็นแบรนด์พิเศษภายใต้โซฟิเทล โดยโรงแรมโซ/ ตั้งอยู่ในเมืองสำคัญๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความหลากหลาย อาทิ เบอร์ลิน, มอริเชียส, กรุงเทพฯ, เซนต์ปีเตอร์ส์เบิร์ก, สิงคโปร์ โดยเป็นโรงแรมสุดฮิปพร้อมรับแขกด้วยประสบการณ์ที่สนุกสนาน ความมีชีวิตชีวา และสีสันของท้องถิ่น โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ต เป็นส่วนหนึ่งของแอคคอร์ (Accor) เครือข่ายโรงแรมระดับสากลที่มีโรงแรม รีสอร์ต และเรสซิเดนซ์กว่า 5,100 แห่ง ร้านอาหารและบาร์กว่า 10,000 แห่ง ใน 110 ประเทศทั่วโลก


ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่

    ที่ผ่านมา ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้มากกว่า 211,300 ราย และกระจายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น การเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มบริษัท รวมทั้งคว้ารางวัลระดับนานาชาติมากมาย ได้แก่ “Best Conference Resort Hotel” ของ ทราย ลากูน มัลดีฟส์ รางวัล “Best Resort/Hotel” ของ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์และ “Best MICE Destination” สำหรับ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์

    บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการเมกะโปรเจกต์ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา ดำเนินงาน และอนุรักษ์หมู่เกาะอันงดงามแห่งนี้ สอดคล้องกับปรัชญาความยั่งยืนของบริษัท

    โดยสิงห์ เอสเตท บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับสากล ประกอบธุรกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน นิคมอุตสาหกรรม และโรงแรม ซึ่งรวมถึงการพัฒนาจุดศูนย์รวมการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์แห่งแรกในมหาสมุทรอินเดีย หรือ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์แห่งนี้

    ในเดือนธันวาคม 2566 เอส โฮเทลฯ ได้ลงนามข้อตกลงสำคัญกับกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม และพลังงานของมัลดีฟส์ (Maldives’ Ministry of Climate Change, Environment & Energy) เพื่อปกป้องเกือบหนึ่งในสาม (31%) ของพื้นที่โครงการทั้งหมด โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการอนุรักษ์ตามพื้นที่ที่มีประสิทธิผลอื่นๆ (Other Effective Area-Based Conservation Measures หรือ OECMs)

    หัวใจของโครงการนี้คือศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ซึ่งมีห้องปฏิบัติการชีววิทยาทางทะเลที่ทันสมัย และดำเนินโครงการที่สำคัญ เช่น การขยายพันธุ์ปะการัง ตลอดจนโครงการอนุรักษ์สัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ยังได้รับการรับรอง Green Globe สะท้อนความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง

    เอส โฮเทลฯ เป็นบริษัทในเครือของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ดำเนินธุรกิจโรงแรมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผลการดำเนินงานโดดเด่นในปี 2566 โดยมีพอร์ตโรงแรมและรีสอร์ตมาตรฐานระดับโลกทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารและลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ตคุณภาพสูงในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วโลกผ่านแบรนด์ SAii ที่พัฒนาขึ้นมาเอง และการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก ที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายแข็งแกร่งในตลาด โดยในปี 2566 เอส โฮเทลฯ มีโรงแรมทั้งสิ้น 38 แห่ง จำนวน 4,552 ห้อง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายพื้นที่ทั่วโลก

    ด้าน Wai Eco World Developer (WEWD) เป็นกลุ่มการลงทุนและการพัฒนา ภายใต้เครือ Wai Family Group of Companies จากเมียนมา เน้นธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับเป็นหลัก เนื่องด้วยการเปิดเศรษฐกิจเมื่อ 6 ปีที่แล้ว WEWD จึงได้ขยายตัวกระจายความหลากหลายของธุรกิจอย่างรวดเร็ว ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในทิศทางหลักของ WEWD รวมถึงการร่วมลงทุนกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ในการพัฒนารีสอร์ตในเกาะที่ 3 ของ เอ็มบูดู ลากูน ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในต่างประเทศครั้งแรก

    นอกจากนี้ WEWD กำลังวางแผนที่จะพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งในเมืองใหญ่และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และการเปิดร้านอัญมณีในเมืองใหญ่บางแห่งในภูมิภาคเร็วๆ นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอของบริษัท WEWD



​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล’ สัมผัสกลิ่นอายล้านนา ในความหรูหราระดับ 5 ดาว

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine