Cartier เฉลิมฉลองพลังสตรี เปิดตัว Women’s Pavilion ในงาน World Expo 2025 ประเทศญี่ปุ่น - Forbes Thailand

Cartier เฉลิมฉลองพลังสตรี เปิดตัว Women’s Pavilion ในงาน World Expo 2025 ประเทศญี่ปุ่น

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Mar 2025 | 01:30 PM
READ 128

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ขณะที่คนทั้งโลกกำลังเฉลิมฉลองให้กับวันสตรีสากล คาร์เทียร์ (Cartier) ได้ถือโอกาสนี้ ประกาศเปิดตัว Women’s Pavilion ด้วยความภาคภูมิใจ ภายใต้ความร่วมมือกับทีมจัดงาน World Expo 2025 และรัฐบาลญี่ปุ่น ร่วมด้วย กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม และสำนักงานส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อยกย่องเชิดชูบทบาทที่สำคัญยิ่งของผู้หญิงในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของโลก ส่งเสริมให้เกิดความเสมอภาค และชี้แนะแนวทางแก่คนรุ่นใหม่


    สำหรับคาร์เทียร์ ผู้หญิงคือที่มาของแรงบันดาลใจอันไม่สิ้นสุด ทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญของความคิดสร้างสรรค์และค่านิยมของเมซงมาโดยตลอด ด้วยความเชื่อที่ว่าเมื่อผู้หญิงก้าวไปข้างหน้า มนุษยชาติก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน คาร์เทียร์จึงสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มุ่งมั่นอุทิศตนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ด้วยความกระตือรือร้นที่จะทำงานร่วมกัน และลงมือแก้ปัญหาที่เร่งด่วนท้าทายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

    ความมุ่งมั่นอย่างไม่สั่นคลอนนี้คือหัวใจหลักของ Women’s Pavilion ซึ่งทำหน้าที่เป็นเวทีระดับโลกในการส่งเสริมให้เกิดบทสนทนา นวัตกรรม และการลงมือปฏิบัติร่วมกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของงาน World Expo 2025 ณ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 ตุลาคม 2568



    หัวใจหลักของ Women’s Pavilion คือ คำประกาศที่ทรงพลัง เรียกร้องขอโลกที่สดใสกว่าเดิม โลกที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาคกลมเกลียว โดยไม่คำนึงถึงเพศสภาพอย่างแท้จริง โลกที่ความเคารพซึ่งกันและกันเติบโตเบ่งบาน และทุกคนมีโอกาสที่จะบรรลุศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง

    “Women’s Pavilion เชิดชูผู้หญิงทุกคน รวมทั้งบทบาทที่ผู้หญิงสามารถทำได้ ร่วมกับคนอื่นๆ ที่มุ่งมั่น เพื่อสร้างสรรค์อนาคตของพวกเราทุกคน” Cyrille Vigneron ประธานกรรมการ Cartier Culture & Philanthropy กล่าว “บนเวทีสุดพิเศษแห่งนี้ คาร์เทียร์และ Expo 2025 ณ โอซาก้า ขอเชิญผู้เยี่ยมชมงานทุกคนมาร่วมการเดินทางที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเสมอภาค ทั้งในระดับบุคคลและด้วยการลงมือปฏิบัติร่วมกัน”

    จาก Expo 2020 ณ ดูไบ มาสู่ Expo 2025 ณ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น Women’s Pavilion ยังคงเดินหน้าสืบสานพันธกิจในการสร้างมรดกที่ยั่งยืน โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากประชาคมต่างๆ ทั่วโลก ถอดภูมิปัญญาแห่งมนุษยชาติ และแสดงพลังอำนาจของการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างอนาคตที่เท่าเทียมและยั่งยืนกว่าเดิม เป็นอนาคตที่สะท้อนคนทุกรุ่น

    เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดหลักของ World Expo ครั้งนี้ Women’s Pavilion ยึดคำขวัญ “อยู่ร่วมกัน ออกแบบร่วมกัน เพื่ออนาคต” (Living Together, Designing Together, For the Future) เพื่อเฉลิมฉลองพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและศักยภาพของผู้หญิงในการกำหนดวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเดิม



    หัวใจของวิสัยทัศน์ดังกล่าว คือ แนวคิดที่ว่า “การอยู่ร่วมกัน” ที่ขยายขอบเขตออกไปไกลกว่าเรื่องเพศสภาพ เพื่อที่จะสำรวจความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล (symbiosis) กับความยั่งยืน (sustainability) สะท้อนให้เห็นว่าสังคม ภูมิภาค หรือบุคคล สามารถเข้ามารับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับโลกใบนี้ได้

    และเพื่อให้สอดคล้องกับอีกหนึ่งแนวคิดสำคัญของ World Expo 2025 ซึ่งคือ “การออกแบบร่วมกัน” Women’s Pavilion จินตนาการถึงอนาคตที่ทุกชีวิตรวมกันเป็นหนึ่งอย่างกลมเกลียว เพื่อบรรลุศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ และมุ่งสร้างรากฐานให้กับวันพรุ่งนี้ที่เท่าเทียมกว่าวันนี้ ด้วยการสร้างพื้นที่ที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันและการสร้างนวัตกรรม

    เมื่อมองไปข้างหน้า แนวคิด “เพื่ออนาคต” ตอกย้ำบทบาทของ Women’s Pavilion ในฐานะเวทีแลกเปลี่ยนความคิดที่ก้าวหน้า โดยไม่เพียงแต่จะเชิดชูความสำเร็จของโครงการที่ผ่านมา แต่ยังส่งเสริมสนับสนุนความหวังและความตั้งใจใหม่ๆ ที่ยังไม่บรรลุผล เพื่อสร้างมรดกไว้สำหรับการพัฒนาต่อยอดอนาคตต่อไป

    June Miyachi ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคาร์เทียร์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้เป็นผู้ดูแล Women’s Pavilion อันเป็นเป็นความร่วมมือของคาร์เทียร์ ณ Expo 2025 ในโอซาก้า คันไซ ต่อเนื่องจากความร่วมมือก่อนหน้านี้ Expo 2020 ณ ดูไบ คำถามคือ เราจะสามารถทำอะไรได้อีก เพื่อก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศ ดิฉันหวังว่า Women’s Pavilion ที่เรานำเสนอจะช่วยจุดประกายให้ผู้เข้าชมได้ตระหนักถึง ได้ร่วมรู้สึก และนำไปสู่การร่วมกันลงมือปฏิบัติ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้น”



    ด้านหน้าของ Women’s Pavilion ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น Yuko Nagayama โดยได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะการต่อไม้แบบไม่ใช้ตะปูของญี่ปุ่น หรือคุมิโกะ (Kumiko) มีนัยเชิงสัญลักษณ์หมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างจารีตประเพณีกับความทันสมัย โดยสิ่งก่อสร้างเปี่ยมเอกลักษณ์นี้ได้เปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงาน World Expo 2020 ที่ดูไบ และได้รับการดัดแปลงเพื่อใช้ที่โอซาก้าอีกครั้ง เน้นย้ำความมุ่งมั่นที่คาร์เทียร์มีต่อความยั่งยืนและงานฝีมือมาอย่างยาวนาน และยังสะท้อนวิสัยทัศน์ของคุณนากายามะ ที่ให้ความสำคัญต่อวัฏจักรที่ผูกพันกันของธรรมชาติ มนุษย์ และทรัพยากร

    ต้นไม้ที่อยู่รอบๆ พาวิลเลี่ยนมาจากพื้นที่ท้องถิ่น และจะกลับคืนสู่ขุนเขาของโอซาก้าเมื่องานเอ็กซ์โปสิ้นสุดลง โดยต้นไม้เหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แทนวัฏจักรการเกิดใหม่ของธรรมชาติ นอกจากนี้ Women’s Pavilion ยังผสานลวดลายเรขาคณิตและองค์ประกอบทางธรรมชาติเข้าด้วยกัน ด้วยแรงบันดาลใจจากหลักสถาปัตยกรรมเรือนแถวแบบดั้งเดิมหรือมาชิยะ (machiya) สร้างพื้นที่ที่สอดคล้องกับการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนที่มีความหมาย

    เมื่อผู้เข้าชมงานเข้ามาภายใน ก็จะได้ดื่มด่ำกับการเดินทางสุดพิเศษ ที่ศิลปินชื่อดัง Es Devlin ผู้เป็น Global Artistic Lead ของพาวิเลียนทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ โดยเธอมองว่างาน World Expo “เป็นที่รวมของเครื่องดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยแต่ละพาวิเลียนทำหน้าที่เสมือนเครื่องดนตรีหนึ่งชิ้น ที่สื่อสารข้อความของตนออกไปในวงกว้างตลอดระยะเวลา 6 เดือนในงานระดับโลกครั้งนี้”



    ด้วยจิตวิญญาณดังกล่าว Women’s Pavilion มุ่งที่จะเอื้ออำนวยให้เกิดการเปลี่ยนมุมมองอย่างลึกซึ้งในด้านความเสมอภาคทางเพศสภาพ ด้วยการพาผู้เยี่ยมชมเข้าไปสัมผัสเรื่องราวส่วนบุคคลหลายๆ เรื่องอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันให้เกิดการสะท้อนคิด และเชื่อมโยงประสบการณ์เข้ากับประเด็นอันเป็นสากลในที่สุด

    นิทรรศการนี้เชิญชวนให้ผู้เข้าชมลงชื่อของตนเองเพื่อให้อัตลักษณ์ของผู้เยี่ยมชมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่กำลังบอกเล่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพลังของชื่อ ที่เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางทั้งในระดับบุคคลและระดับสากล Women’s Pavilion เปลี่ยนผู้เข้าชมแต่ละกลุ่มให้เป็นคอมมูนิตีสำหรับการซักซ้อม (rehearsal community) สะท้อนถึงการทำงานศิลปะของ Devlin ที่มีวิวัฒนาการไม่เคยหยุดนิ่ง โดยมุ่งที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายและมุมมองใหม่ผ่านการพบปะแบบมีส่วนร่วมดังกล่าว ควบคู่ไปกับการชูประเด็นวิกฤติภูมิอากาศและอารยธรรม



    จิตวิญญาณแห่งความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นผ่านประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมของ Women’s Pavilion นำเสนอผ่านกลุ่มศิลปินที่มีความโดดเด่น ได้แก่ Naomi Kawase นักสร้างภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น ที่นำความเชี่ยวชาญในฐานะผู้กำกับการแสดงมารังสรรค์ภาพยนตร์เบิกโรงให้กับ Women’s Pavilion พร้อมกันนั้นนักแสดง ผู้กำกับ และศิลปินชาวฝรั่งเศส Melanie Laurent ได้เสริมพลังให้แก่ผู้หญิง ผ่านภาพวาดบุคคล (พอร์ตเทรต) งานประติมากรรม ซาวด์สเคป และการจำลองเสมือนจริง ที่สร้างอารมณ์และบรรยากาศได้เป็นอย่างดี

    นอกจากนี้ยังได้ Hiro Chiba มารังสรรค์ภาพพอร์เทรตคลอโรกราฟที่ก้าวล้ำ เพิ่มมิติทางศิลปะให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นไป ในขณะที่ Mariko Mori ศิลปินสหสาขาได้สร้างสรรค์ผลงานในธีมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและมนุษยธรรมร่วมกันของ Women’s Pavilion ซึ่งจัดแสดงในชั้นบนของพาวิเลียน ส่วน Toshiya Ogino นักออกแบบภูมิทัศน์ ได้นำเอาโลกธรรมชาติเข้ามาเป็นจุดสนใจ ผ่านสวนแบบยั่งยืนที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ท้องถิ่น สะท้อนถึงฤดูกาลที่ผันแปรของประเทศญี่ปุ่น และแฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดัง Chitose Abe ดีไซเนอร์และครีเอทีฟไดเรคเตอร์ของแบรนด์ Sacai ก็ได้ออกแบบเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ประจำ Women’s Pavilion ให้สะท้อนถึงความกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวและความทันสมัย



    ผู้มีส่วนร่วมที่มากด้วยวิสัยทัศน์เหล่านี้ ได้ร่วมกันสร้างสรรค์เรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงที่มีต่อโลกอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง สร้างประสบการณ์ที่กระตุ้นความคิดที่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมได้ไตร่ตรองถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่ออุตสาหกรรมและวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายหลวมรวมเป็นหนึ่งเดียว

    บนชั้น 2 ของ Women’s Pavilion ผู้เยี่ยมชมจะได้พบพื้นที่ WA ทำหน้าที่เป็นเวทีแห่งความคิดเห็นและเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการสนทนา การเสวนา และนิทรรศการ ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงประเด็นหลากหลายที่เป็นความท้าทายระดับโลก พื้นที่นี้ยังเป็นที่จัดการอภิปรายใน 6 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ ธรรมชาติ (Mother Nature), ธุรกิจและเทคโนโลยี (Business & Technology), การศึกษาและนโยบาย (Education & Policy), ศิลปะวัฒนธรรม (Arts & Culture), สาธารณกุศล (Philanthropy) และสุดท้ายคือ บทบาทและอัตลักษณ์ (Roles & Identities) โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีวิสัยทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ นักเคลื่อนไหว หรือผู้เชี่ยวชาญ ได้ร่วมมือกันเพื่อหาทางออกที่นำไปใช้ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง


ภาพ: Cartier


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘Ember Cafe & Wine’ จิบไวน์ชั้นเลิศ พร้อมสัมผัสสถาปัตยกรรมที่สร้างจากนวัตกรรม 3D Printing

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine