โดย ปิลันธน์ ศรีวีระกุล
พบกับดีไซน์ที่โดดเด่นราวกับงานศิลป์ชั้นเลิศอันทรงคุณค่าคู่ควรแก่การสะสม ซึ่งได้รับการผสมผสานเข้ากับวัสดุล้ำค่าหายาก เทคโนโลยีสุดก้าวล้ำ งานฝีมือสุดประณีตของช่างผู้ชำนาญ ประสิทธิภาพที่เหนือกาลเวลา ความหรูหราที่สะท้อนรสนิยม
ไปจนถึงความมีเอกลักษณ์สำหรับผู้ต้องการความแตกต่างอย่างมีระดับได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนทำให้ความปรารถนาที่จะได้ครอบครองนั้นอยู่เหนือเงื่อนไขของราคา ตามเราไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรค่าแก่การครอบครองใน Forbes Life ฉบับนี้
The Legacy of Aston Martin Vanquish Volante
ราคา 28,900,000 บาท
Vanquish Volante ยนตรกรรมที่สะท้อนทุกจิตวิญญาณแห่ง Aston Martin ภายใต้ภาพลักษณ์อันงามสง่าที่รังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง โดดเด่นด้วยความเร็วที่เหนือชั้น ความงดงามเหนือจินตนาการ และความหรูหราเหนือระดับพร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดประทุนอันแสนเร้าใจและเป็นเอกลักษณ์ ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียม น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง และตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์สุดหรู ทำให้ Volante
ไม่เพียงให้สมรรถนะเทียบเท่ารถสปอร์ต Vanquish รุ่นคูเป้ แต่ผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันโดดเด่นจากเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตรด้วย
นี่คือยนตรกรรม Volante ที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยความแรงแบบสุดขั้วที่ระดับแรงม้า 565 BHP ช่วยขับเคลื่อน Vanquish Volante ให้โลดแล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพไร้ผู้เทียบเคียง
ผู้ขับขี่ยังสามารถดื่มด่ำสุนทรียะแห่งยนตรกรรมได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ด้วยหลังคาแบบมัลติเลเยอร์ภายใต้เทคโนโลยีล่าสุดที่สั่งการได้ดั่งใจด้วยปุ่มเดียวภายในเวลาเพียง 14 วินาทีเท่านั้น
Vanquish Volante คือดาวเด่นบนท้องถนนที่พร้อมดึงดูดทุกสายตาให้หันมาจับจ้อง ด้วยรายละเอียดอันน่าทึ่งอย่างสปลิตเตอร์หน้าซึ่งผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น รวมถึงทั้งฝากระโปรงท้ายดีไซน์แบบ Aero Duct ที่บรรจงทำขึ้นเป็นแบบชิ้นเดียวไม่มีรอยต่อเพื่อความสวยงาม และระบบเบรกแบบ Carbon Ceramic ที่ถึงแม้ได้เห็นเพียงชั่วพริบตาก็ยังทราบได้ทันทีว่า นี่คือยนตรกรรมสุดพิเศษจาก Aston Marin
Vanquish Volante ออกแบบขึ้นเพื่อความสะดวกสบายยากจะหาผู้ใดเทียบเคียง และสร้างสรรค์ขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเพื่อมอบประสบการณ์ในการขับขี่อย่างเหนือชั้นและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้เนื้อนุ่ม โลหะหรู และกระจกเรียบที่สะท้อนภาพลักษณ์อันน่าชื่นชม
พร้อมวัสดุคัดสรรพิเศษและงานตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง อันเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาและทุกสัมผัส ร่วมด้วยคุณสมบัติน่าประทับใจจากซูเปอร์คาร์ Aston Martin One-77 ที่เข้ามาช่วยย้ำคุณค่าแห่งสุนทรียะ
ในรูปของคอนโซลกลางดีไซน์ “Waterfall”ชิ้นส่วนสำคัญที่ดูโดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมการตกแต่งภายในอันประณีตงดงามซึ่งตอบทุกโจทย์แห่งการเดินทาง ตอบทุกโจทย์แห่งสมรรถนะ และจะสะกดทุกสายตาให้มาอยู่ที่จุดเดียว
Shine Bright Like a Diamond
Cartier Étourdissant High Jewelry Necklace
ราคาประมาณ 600 ล้านบาท
สร้อยเพชรเครื่องประดับชั้นสูง (High Jewelry) หนึ่งเดียวในโลกจากคาร์เทียร์เส้นนี้โดดเด่นด้วยความงดงามของจี้เพชรทรงคุชั่นขนาด 34.96 กะรัต สี D คัลเลอร์ เป็นเพชรชนิด lla หรือ Golcondaปราศจากไนโตรเจน
มีความบริสุทธิ์ไร้รอยตำหนิ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเพชรที่หายากที่สุดในโลก ดีไซน์ตัวสร้อยได้รับการออกแบบให้ดูตระการตา คลี่คลุมลำคอระหงด้วยสร้อยเพชรสามแถวประกอบด้วยเพชรเจียระไนทรงสามเหลี่ยม 1.6 กะรัต เพชรเจียระไนทรงสี่เหลี่ยม 1.22 กะรัต และเพชรเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร 42.31 กะรัต
สามารถใส่ได้สองแบบ โดยสร้อยสองแถวแรกจากด้านนอกถอดตัวเรือนแพลทินัมออกได้ด้วยกลไกพิเศษ เหลือเพียงสร้อยด้านในแถวเดียวและจี้เพชรเพื่อสไตล์ที่ดูมินิมัลแต่ยังคงความหรูหราในแบบคาร์เทียร์
Absolutely Precious
Water Symphony from Bulgari
ราคาประมาณ 97,100,000 บาท
สร้อยคอ Water Symphony หนึ่งในจิวเวลรี่ชั้นสูงภายใต้คอลเล็กชั่น Italian Gardens คอลเล็กชั่นจิวเวลรี่ล่าสุดจาก Bulgari ได้แรงบันดาลใจจากท่วงทำนองจังหวะดนตรีของน้ำพุในสวนอิตาลี ประกอบด้วยจี้แซปไฟร์ขนาดใหญ่ (45.57 กะรัต)
และแซปไฟร์ขนาดเล็กที่สุด (3.65 กะรัต ) เป็นเรื่องที่ยากมากในการจะหาแซปไฟร์ 2 เม็ดที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของเหลี่ยมมุม ทว่ามีแสงและสีเหมือนกันได้
แต่เดิมแล้วแซปไฟร์เม็ดใหญ่นั้นมีขนาด 53 กะรัต แต่ถูกลดขนาดลงเพื่อให้ได้ความสุกสว่างและสีฟ้าตามสไตล์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ Bulgari จากนั้นถูกนำมาเสริมเติมแต่งด้วยเพชรเจียระไนรูปหยดน้ำและบริลเลียนต์คัต
โอบล้อมด้วยเพชรทรงบาแกตต์ เกี่ยวโค้งเป็นรูปริบบิ้น เช่นเดียวกับสายสร้อยที่มีการประดับตกแต่งในแบบเดียวกัน
ทำให้สร้อยทั้งเส้นดูประสานกลมกลืนเป็นทำนองเดียวกัน รวมแล้วมีเพชรทั้งหมด 38.73 กะรัต และเฉกเช่นดนตรีที่อาจตีความได้หลากหลายรูปแบบ สร้อย Water Symphony ก็สามารถถอดชิ้นส่วนและเลือกสวมเป็นเข็มกลัดหรือสร้อยข้อมือ
ซึ่งล้วนแล้วแต่ดูสมบูรณ์แบบเข้ากันได้ดีกับหญิงสาวผู้สวมใส่

The Most Romantic Grand Complication
Breguet Tradition Répétition Minutes Tourbillon 7087
ราคาเรือนละ 15,900,000 บาท
นี่คือความสำเร็จในการนำนวัตกรรมล่าสุดต่างๆ ของ Breguet มาประกอบกัน จนได้ออกมาเป็นนาฬิกา Minute-Repeater ที่แปลกใหม่ และให้เสียงไพเราะไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประวัติ- ศาสตร์อันยาวนานของ Breguet
โดยมีกลไกตูร์บิยองซึ่งเป็นนวัตกรรมตั้งแต่ ค.ศ. 1801 คิดค้นโดย Abraham-Louis Breguet ผู้ก่อตั้งแบรนด์ กลไกนี้มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมนาฬิกามายาวนานในฐานะกลไกที่ช่วยรักษาความเที่ยงตรงของนาฬิกาไม่ให้ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของโลก
นาฬิการุ่นนี้เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในงาน Baselworld ค.ศ. 2015 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของนาฬิการุ่น La Tradition
ตัวเรือนมีรุ่น White Gold และ Rose Gold 18 กะรัต ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร เซาะร่องอย่างละเอียดอ่อนตลอดแนวด้านข้างของตัวเรือน ฝาหลังแซปไฟร์คริสตัลสองชั้น หน้าปัดทอง 18 กะรัตทำสีเงิน แกะลายด้วยเครื่อง Engine-turned ติดตั้งอยู่เยื้องจุดศูนย์กลางที่ตำแหน่ง 1.30 นาฬิกา มีชื่อ Breguet และหมายเลขประจำตัวเรือนบน
หน้าปัด หลักชั่วโมงเลขโรมัน เข็ม Blued Steel ทรง Breguet ปลายเปิด เครื่องนาฬิกาแบบขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre 565 DR ขนาด 16 Lines มี 60 Jewels มีชื่อ Breguet และหมายเลขประจำตัวเครื่อง มีกลไก Minute-Repeater และ Tourbillon แบบ 60 วินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา Baseplate
ลและ Bridge ต่างๆ ผลิตจากไทเทเนียม มีระบบ Magnetic Strike Governor เครื่องหมายแสดงกำลังลานสำรอง 80 ชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา Rotor ขึ้นลานรอบนอกแบบสองทิศทางผลิตด้วยแพลทินัม Tourbillon Bridge ผลิตด้วยไทเทเนียม

The Pinnacle of Whisky
Chivas Regal The Icon
ราคาขวดละ 180,000 บาท
ดื่มด่ำงานศิลป์ชั้นยอดจากฝีมือของ Colin Scott มาสเตอร์เบลนเดอร์มือหนึ่งของโลกจาก Chivas Regal กับ The Icon วิสกี้ระดับตำนานที่เกิดจากการผสมผสานของวิสกี้ชั้นดีที่หายาก (บ้างก็หาไม่ได้อีกแล้ว) จาก 20 โรงกลั่น ทั่วสกอตแลนด์
ให้กลิ่นลุ่มลึกเข้มข้นและหอมหวานของน้ำผึ้ง ลูกแพร์ ดาร์กช็อกโกแลต และฟองดองต์ ครีมรสส้ม มอบรสชาติหวานละมุนลิ้นจากผลส้มกับลูกพีชในน้ำเชื่อมและวานิลลา ตัดกับรสชาติเข้มข้นของถั่วเฮเซลนัตเพื่อความกลมกล่อม พร้อมให้รสสัมผัสหลังการดื่มได้อย่างยาวนานชวนหลงใหล เป็นเอกลักษณ์ในแบบ Chivas Regal
นอกจากนั้นแต่ละขวดของ Chivas Regal The Icon คือความประณีตที่รังสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ นำเสนอในขวดแก้วคริสตัลสีเขียวบริสุทธิ์จาก Dartington Crystal สืบทอดตำนาน Chivas Regal ขวดแรกของโลกใน ค.ศ. 1909 โดยแต่ละขวดจะถูกบรรจุอยู่ในกล่องหนังสุดหรู มีจำนวนจำกัดเพียง 5 ขวดเท่านั้นในประเทศไทย
คลิ๊กเพื่ออ่าน "The Price of Luxury" ฉบับเต็มได้ที่ ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษเดือน MARCH 2016 ได้ในรูปแบบ E-Magazine
