เรียกว่าไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร สิ่งที่เธอถือและสวมใส่ก็กลายเป็นกระแสไวรัลสร้างปรากฏการณ์ใหม่ได้เสมอ สำหรับ ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ กับล่าสุดในงานปาร์ตี้ของงาน Monaco F1 Grand Prix 2024 ซึ่งลิซ่าเลือกหยิบชุดจากแบรนด์ PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นฝีมือดีไซเนอร์คนไทยที่เป็นที่รู้จักในเรื่องของการให้ความสำคัญกับชุมชนและความยั่งยืน
Forbes Thailand จึงขอพาทุกคนทำความรู้จักแบรนด์ PIPATCHARA ให้มากขึ้น จากบทสัมภาษณ์ของดีไซเนอร์สาว ‘เพชร-ภิพัชรา แก้วจินดา’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ PIPATCHARA ที่ทีมงานของเราเคยสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้
จุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2018 ที่ เพชร-ภิพัชรา แก้วจินดา เริ่มทำธุรกิจผลิตกระเป๋าหนังแบรนด์ตัวเองร่วมกับพี่สาว โดยมีเป้าหมายสำคัญคือต้องทำให้ธุรกิจแฟชั่นสามารถช่วยเหลือชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมได้
ผลงานในยุคเริ่มต้นของแบรนด์เป็นการนำงานฝีมือที่เรียกว่า มาคราเม่ (Macrame) งานศิลปะที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอาหรับด้วยการถักเชือกหนังเส้นยาวๆ ให้ออกมาเป็นลวดลายที่สวยงามรูปแบบต่างๆ เข้ามาใช้ ซึ่งได้ร่วมกับชาวชุมชนใน จ.แม่ฮ่องสอน ฝึกทักษะให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถถักเชือกหนังเป็นไปในรูปแบบต่างๆ และยังใช้เวลาว่างสร้างรายได้เสริมเพิ่มมากขึ้น
กระเป๋าซึ่งเป็นงานฝีมือจากคนในชุมชนที่ จ.แม่ฮ่องสอน ล็อตแรก 30 ใบขายได้หมดเกลี้ยง ฟีดแบ็กที่ดีทำให้ PIPATCHARA ทั้งเปิดหน้าร้านป๊อปอัปสโตร์ที่ทองหล่อ ผลิตกระเป๋าเพิ่ม รวมถึงต่อยอดไปผลิตสินค้าประเภทอื่น เช่น รองเท้า จนกระทั่งมีชุมชนอื่นๆ เข้ามาร่วมทำงานฝีมือกับแบรนด์มากขึ้น เกิดการสร้างรายได้ให้ผู้คนมากกว่า 70 คน
ถัดมาในปี 2022 PIPATCHARA มีความก้าวหน้ามากขึ้น มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพื่อนำเทคโนโลยีนวัตกรรม มาแปลงร่างให้ขยะที่ไร้ค่าอย่าง ฝาขวด, ช้อน และกล่องพลาสติก กลายมาเป็นวัสดุรีไซเคิล เพื่อนำมาผลิตเป็นกระเป๋าและชุดเสื้อผ้าแฟชั่น จนแบรนด์เป็นเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในวงสังคมที่กว้างมากยิ่งขึ้น
โดยกระเป๋าที่ทำจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิล 1 ใบ มีราคาขายอยู่ที่ราวๆ 21,900-30,000 บาท ขณะที่ชุดเดรสยาวจะมีการใช้ฝาพลาสติกมาผลิตเทียบเท่ากับใช้ฝาทำกระเป๋าจำนวน 7-10 ใบ มีราคาขายสูงขึ้นไปอีกอยู่ที่ชุดละ 50,000-200,000 บาท
กระเป๋าจากพลาสติกรีไซเคิลของ PIPATCHARA ไปเตะตา “แอนน์ แฮททาเวย์” นักแสดงดังระดับฮอลลีวูด ที่เลือกถือในงานพรมแดง และนั่นทำให้แบรนด์ของเธอเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จากที่เคยคิดจะขายเพียง 30 ใบในแคมเปญวันสิ่งแวดล้อมโลก กลายเป็นว่าเธอสามารถกระเป๋าได้ถึง 300 ใบในระยะเวลาเพียง 8 เดือน
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้นจากการลดขยะจากฝาขวดพลาสติกได้มากกว่า 1 ล้านฝา ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
สำหรับชุดที่ลิซ่าเลือกใส่ล่าสุดนั้น PIPATCHARA ได้ออกมาเปิดเผยว่า 80% ของพลาสติกรีไซเคิลที่ใช้นั้นมาจากฝาขวดน้ำ ส่วนอีก 20% มาจากพลาสติกบรรจุอาหารสีใสนั่นเอง
รับชมบทสัมภาษณ์ในรูปแบบวิดีโอ:
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม : Pipatchara เปลี่ยนขยะไร้ค่าสู่สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทยในตลาดโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine