Grand Seiko จัดแคมเปญ "My Grand Seiko My Pride" สะท้อนความภาคภูมิใจของการเลือกสวมใส่แบรนด์นาฬิกาที่ทรงคุณค่าจากเหล่าเซเลบริตี้ชั้นนำของเมืองไทย จำนวน 8 ท่าน ควบคู่กับการตอบแทนสังคมในมิติของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมตอกย้ำความสำเร็จของ แกรนด์ ไซโก รุ่นไอคอนิก “Sakura” โดยจัดงานนิทรรศการขึ้น ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน
มร.อากิระ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ แกรนด์ ไซโก ประเทศไทย กล่าวว่า “แกรนด์ ไซโก มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี โดยแบรนด์ได้ออกแบบและพัฒนากลไกความเที่ยงตรงขึ้นมาใหม่ในปี 1998 ซึ่งกลายเป็นประวัติศาสตร์ของจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko นับเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพความเที่ยงตรงใหม่ "Grand Seiko Standard" ที่ถูกกำหนดขึ้น โดยเป็นระดับที่สูงกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมวงการนาฬิกา รวมถึงการออกแบบหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบสตูดิโอของแกรนด์ ไซโก สถานที่ที่นาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko ทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้น ตามปรัชญา Nature of Time สะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความเที่ยงตรงและเน้นย้ำถึงความประณีตของงานคราฟส์แมนชิพอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Grand Seiko”

ด้าน ปวริศร์ เอี่ยมเอกพัฒนา Luxury Group Director แกรนด์ ไซโก ประเทศไทย กล่าวถึงการจัดแคมเปญ "My Grand Seiko My Pride" ว่า เพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ผ่านความภาคภูมิใจในการสวมใส่เรือนเวลาอันทรงคุณค่าด้วยคุณภาพและเรื่องราวที่มาพร้อมกับนาฬิกา พร้อมตอกย้ำความนิยมของนาฬิการุ่นไอคอนิก Sakura โดยได้รับเกียรติจาก 8 เซเลบริตี้ มาร่วมเผยถึงความภาคภูมิใจและความสำเร็จของตนเอง นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายรุ่น “Sakura” ร่วมสมทบทุนให้กับ ‘Karen Hilltribes Trust’ องค์กรสาธารณกุศล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชนเผ่ากะเหรี่ยง จ.แม่ฮ่องสอน ในมิติการสนับสนุนด้านการศึกษา การสร้างแหล่งน้ำและการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ผืนป่าต่อไป
สำหรับงานเปิดตัวแคมเปญอย่างเป็นทางการคับคั่งไปด้วยเหล่าเซเลบริตี้ชั้นนำของเมืองไทย นำโดย 8 เซเลบริตี้ ได้แก่ เจย์ สเปนเซอร์, จุลจักร จักรพงษ์, ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, กรุณ ซอโสตถิกุล, อภินรา ศรีกาญจนา, สรีนา ธีระวิทยภิญโญ, วฤธ หงสนันทน์ และ ชวัล เจียรวนนท์ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน และชมนิทรรศการ "My Grand Seiko My Pride" ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่

โซนแสดงนาฬิกา "The First Grand Seiko 1960" นาฬิกา Grand Seiko รุ่นแรกที่หาชมได้ยาก ส่งตรงจากมิวเซียม ประเทศญี่ปุ่น นำมาจัดแสดงให้ชมเป็นครั้งแรกในเมืองไทย โดยนาฬิการุ่นนี้ถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญ เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ กับการพัฒนาเครื่องกลไก Caliber 3180 ใหม่ โดยมีความแม่นยำ +12 ถึง -3 วินาทีต่อวัน และสำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมง และยังเป็นนาฬิการุ่นแรกจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการจัดอันดับความเป็นเลิศตามมาตรฐานของ สถาบันการควบคุมการผลิตนาฬิกา Bureaux Officiels de Controle de la Marche des Montres

โซนนิทรรศการจัดแสดงภาพถ่ายแคมเปญ "My Grand Seiko My Pride" ซึ่งได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้ทั้ง 8 ท่าน มาร่วมถ่ายทอดแนวคิดที่สะท้อนความภาคภูมิใจของการเลือกสวมใส่แบรนด์นาฬิกาที่ทรงคุณค่า และแพสชันการทำงานที่นำไปสู่ความสำเร็จ

โซนแสดงนาฬิกา Grand Seiko รุ่นพิเศษจากคอลเลกชันส่วนตัวของนักสะสมนาฬิกาแถวหน้าของเมืองไทย อาทิ ชาญ ศรีวิกรม์, ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์, ปราสาท วิทยาภัทร์, ธนสาร วิจิตรกาญจน์, วิเศษ สิงห์สัจจเทศ ฯลฯ ร่วมถ่ายทอดความภูมิใจที่มีต่อ Grand Seiko ด้วยการเลือกสรรเรือนเวลารุ่นพิเศษมาจัดแสดง อาทิ Hi- Hi-Beat 45GS ปี 1968, Beat Hammered finish case ปี 1973, Re-Creation 130th Anniversary of Grand Seiko Founder ปี 2011 และ Hi-Beat 36000 Red Dragon Limited Edition ปี 2023 เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดแสดงนาฬิกาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง หนึ่งในรุ่นไอคอนิกของแบรนด์ อย่าง Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura ขนาด 40 มิลลิเมตร สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดดเด่นดีไซน์หน้าปัดที่นำความงามอันแสนละมุนของสีชมพูอ่อน ๆ จากแพดอกไม้ Hana-Ikada (ฮานา-อิคาดะ) ที่ปรากฏขึ้นในช่วงเวลา Shunbun (ชุนบุน) ช่วงเวลาที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเกิดจากกลีบซากุระปลิวไปตามสายลมแล้วร่วงหล่นปกคลุมพื้นผิวของแม่น้ำ สะท้อนสัจธรรมแห่งธรรมชาติของเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่อเวลาผันเปลี่ยนไป

นาฬิกาไอคอนิกรุ่นนี้ใช้กลไก Spring Drive (9R) ที่มีความเที่ยงตรงที่สุดในโลก ตัวเรือนสุดคลาสสิกที่มาพร้อมกับผิวสัมผัสที่งดงามจากการขัดแต่งที่เป็นการประสานร่วมระหว่างผิวด้านที่เกิดจากการปัดลายละเอียดดุจเส้นผมและผิวขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu (ซารัตสึ) ก่อให้เกิดผิวเงาราวกระจกและแนวเส้นขอบที่คมชัดอย่างเหนือชั้นทั้งในส่วนของตัวเรือนและสายไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูงของ Grand Seiko มอบความเบาสบายและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ตามคุณลักษณะของวัสดุไทเทเนียม ดีไซน์แบบไร้ขอบตัวเรือน และยังเผยให้เห็นความงดงามของผิวหน้าปัดผืนกว้างในทุกมุมมองผ่านกระจกหน้าปัดคริสตัลแซพไฟร์ทรงกล่องที่ได้รับการเคลือบผิวป้องกันแสงสะท้อนไว้บนพื้นผิวด้านในอีกด้วย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KFC ขอฉลองวาเลนไทน์สไตล์ลักชู ผลิตแหวน “อัญมณีจากไก่ทอด” เพียง 11 วงในโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine