เพราะการไปเที่ยวในยุคนี้ไม่ใช่แค่การไปเยือนสถานที่แปลกตา ชมวิวสวยๆ เข้าชมสถานที่ใหม่ๆ หรือทำกิจกรรมสนุกๆ เพียงอย่างเดียว แต่ข้อมูลจาก Trip.Com พบว่า เกือบ 60% ของยูสเซอร์ไปเยือนจุดหมายปลายทางต่างๆ เพื่อไปลิ้มลองอาหารอร่อยๆ บางคนถึงขั้นจองร้านอาหารก่อน แล้วค่อยจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม วางแผนเส้นทางการท่องเที่ยวก็ยังมี
เมื่อเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านเด็ดเจ้าดังในแต่ละประเทศ แต่ละเมือง ก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะดีแค่ไหนหากมีตัวช่วยที่ทำให้เราเจอร้านอร่อยที่ใครๆ แนะนำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้ว
ตัวช่วยที่อยากแนะนำให้รู้จักในบทความนี้ก็คือฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Trip.Gourmet เป็นฟีเจอร์ที่ย่อยที่อยู่ในฟีเจอร์ Trip.Best บนแพลตฟอร์ม OTA (Online Travel Agent) อย่าง Trip.Com
หลายคนอาจคุ้นเคยกับ Trip.Com กันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินราคาดีๆ, จองโรงแรมราคาสุดคุ้ม หรือจองรถเช่าไปจนถึงซื้อตั๋วเข้าสถานที่ แต่อีกฟีเจอร์หนึ่งที่เขามีมาสักพักหนึ่งแล้วก็คือ Trip.Gourmet ที่เรียกได้ว่าเป็นคู่มือชั้นดีสำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์ร้านอาหารชั้นนำระดับโลก โดยมีการจัดอันดับร้านอาหาร พร้อมนำเสนอข้อมูลของร้านอาหารแนะนำในแต่ละจุดหมายปลายทาง รวมถึงมีฟังก์ชั่นในการจองด้วย
ถามว่าทำไม Trip.com ถึงต้องพัฒนาฟีเจอร์นี้ขึ้นมา
คำตอบก็คือเทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อไปชิมอาหารกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยข้อมูลจาก Trip.com พบว่ามีการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับอาหารเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี ซึ่งคำที่ผู้คนสนใจเพิ่มขึ้น ได้แก่ “fine dining” “local specialities” รวมถึงยังมีการจับคู่สถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดหมายปลายทางเข้ากับคำว่าอาหาร เช่น Tokyo Street Food และ Singapore Cuisine เป็นต้น
นอกจากนี้ การสำรวจข้อมูลจากผู้ใช้ยังเผยว่า 44% ของผู้ใช้ พิจารณาและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ด้านร้านอาหารในแต่ละจุดหมายปลายทางที่จะเดินทางไป
ไม่เพียงเท่านั้น ผลสำรวจยังพบอีกว่าในการไปท่องเที่ยวแต่ละครั้ง สิ่งที่ผู้ใช้งานให้ความสำคัญมากกว่า 70% คืออาหารท้องถิ่นและเครื่องดื่ม ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นและประสบการณ์พิเศษ ให้ความสำคัญในระดับเกือบ 70% และให้ความสำคัญกับเรื่องที่พักเพียงเกือบ 55% เท่านั้น
Sunny Sun รองประธานของ Trip.com Group และ CEO ของ Trip.Gourmet กล่าวว่า “นักเดินทางจำนวนมากขึ้น ต่างรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางไปพร้อมกับการลองชิมอาหารในแต่ละสถานที่ที่เดินทางไป และที่ Trip.Gourmet เราเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านอาหาร ตั้งแต่ร้าน Fine Dining จนถึงร้านอาหารแบบ Local การจัดอันดับและการอัปเกรดใหม่ของ Trip.Gourmet จะช่วยให้ผู้เดินทางได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม”
โดยฟีเจอร์ Trip.Gourmet เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 และล่าสุด Trip.Gourmet ได้มีการจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศรางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดประจำปีนี้ หรือ Trip.Best Gourmet Awards ที่ Sands Expo & Convention Centre ณ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศรางวัลในครั้งนี้ ยังมีการเปิดเผยถึงการอัปเกรดฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การจัดหมวดหมู่ร้านอาหารออกเป็น 4 ธีมใหม่ ได้แก่ ร้านอาหารหรูหรา Fine Dining (ซึ่งมีรางวัลทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันคือ Black Diamond, Diamond และ Platinum), ร้านอาหารรสชาติท้องถิ่น, ร้านอาหารว่างขึ้นชื่อ และร้านอาหารวิวสวย
สำหรับธีมร้านอาหารเหล่านี้ ได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาจากคุณภาพและความนิยมของร้านอาหาร รีวิวของผู้ใช้ และความนิยม ซึ่ง Trip.Com ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการประมวลผลข้อมูลทั้งหมด และนำมาสู่ผลการจัดอันดับ
การอัปเดตที่สำคัญอักอย่างหนึ่งก็คือ การรวมรวมร้านอาหารที่คัดเลือกไว้ทั้งหมดมาอยู่ในฟีเจอร์หลักอย่าง Trip.Best บนแพลตฟอร์มของ Trip.com ซึ่งฟีเจอร์ Trip.Best ก็จะมีทั้งข้อมูลที่พัก กิจกรรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมด้วย
วิธีการใช้งานก็คือ เมื่อเรากดเข้าไปในฟีเจอร์ Trip.Best บน Trip.Com ก็จะเจอปุ่มฟีเจอร์ย่อยให้เลือก ซึ่งประกอบไปด้วย โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ไนท์ไลฟ์ และร้านอาหาร ซึ่งเมื่อเราลองกดเลือกร้านอาหาร ก็จะมีหมวดหมู่หรือธีมของร้านอาหารให้เลือกอีก 4 หมวด คือ ร้านรสชาติท้องถิ่น, อาหารว่างขึ้นชื่อ, หรูหรา และวิวสวยนั่นเอง เรียกได้ว่าหาร้านอร่อย ร้านดัง ร้านที่คนแนะนำได้แบบง่ายๆ เลย
ร้านไหนได้รางวัลบ้าง?
สำหรับการมอบรางวัลในปีนี้ มีจำนวนร้านอาหารที่ได้รับรางวัลคิดเป็นสัดส่วน 9% จากร้านกว่า 10,000 ร้านในกว่า 300 เมืองและภูมิภาคทั่วโลกที่มีข้อมูลอยู่บน Trip.Com
โดยร้านอาหาร Fine Dining หลากหลายแห่งจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับรางวัลในพิธีมอบรางวัล เช่น ร้าน Chim By Siam Wisdom และร้าน Le Du จากกรุงเทพฯ ได้รางวัลระดับ Platinum
ร้าน Odette (ได้รางวัล Black Daimond), ร้าน Waku Ghin โดย Tetsuya Wakuda และ ร้าน CUT โดย Wolfgang Puck จากสิงคโปร์; ร้าน Kubu ที่ Mandapa จากบาหลี; ร้าน SÉZANNE และ ร้าน RyuGin จากโตเกียว; และ ร้าน La Yeon และ ร้าน Bicena จากโซล เป็นต้น
สำหรับรางวัลสูงสุด Black Diamond มีร้านอาหาร 49.12% มาจากฝรั่งเศส, จีน และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นและความนิยมในวงการร้านอาหาร Fine Dining โดยร้านอาหารทางฝั่งยุโรปมีการเข้าร่วมรับรางวัลจาก ร้าน Core โดย Clare Smyth (สหราชอาณาจักร), L'Oiseau Blanc (ฝรั่งเศส) และ Disfrutar (สเปน)
ที่น่าสนใจคือ การรับประทานอาหารในโรงแรมนั้นมีบทบาทสำคัญ โดย 41% ของการจัดอันดับ Trip.Gourmet มุ่งเน้นไปที่ร้านอาหารในโรงแรมหรู ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากนักเดินทางที่มีความมั่งคั่งมากขึ้น
ตัวอย่างร้านที่น่าสนใจ ได้แก่ ร้าน Lai Po Heen ที่ Mandarin Oriental ในกัวลาลัมเปอร์, ร้าน JAAN โดย Kirk Westaway ที่ Swissôtel The Stamford ในสิงคโปร์, และร้าน Ossiano ที่ Atlantis, The Palm ในดูไบ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ Four Seasons และ Ritz-Carlton ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากได้รับคะแนนสูงในหลายๆ แห่ง เช่น ฮ่องกง, ปารีส, โตเกียว และโอซาก้า
รางวัลคือ ‘ประตูใหม่’ ให้คนรู้จัก
เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร แห่งร้าน Le Du กล่าวว่า รู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้รับรางวัล และรู้สึกว่านี่ยังเป็นการช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของอาหารไทย ของประเทศไทย รางวัลอะไรก็ตามที่ทำให้คนมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น คนรับประทานอาหารไทยมากขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีหมด
“รางวัลมีผลกับการเป็นที่รู้จักแน่นอน อย่างน้อยเขาก็ได้มาลอง สุดท้ายแล้วจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ลูกค้าก็เป็นผู้ตัดสิน แต่อย่างน้อยรางวัลทำให้เกิดโอกาสที่ลูกค้าจะลองมารับประทาน” เชฟต้นกล่าว
ด้าน เชฟหนุ่ม-ธนินธร จันทรวรรณ แห่งร้าน Chim By Siam Wisdom กล่าวว่า รางวัลนี้เป็นประตูทางเลือกใหม่ที่ดี เป็นอะไรที่สร้างคุณค่าให้กับร้าน ตัวเรา และทีม เป็นความภูมิใจของเรา
“รางวัลที่ได้เป็นการเปิดหน้าต่างอีกบานให้คนได้เห็นเรา ให้คนได้รู้จักเรามากขึ้น เราภาคภูมิใจว่าในประตูอีกช่องทางหนึ่ง หรือในอีกโอกาสหนึ่ง เขาให้เราขึ้นมารับรางวัล เปิดโอกาสให้เรามีอีกช่องทางหนึ่งให้คนที่เขาเสพสื่อในช่องทางนี้ได้รู้จักเราได้รับรางวัลจากตรงนี้” เชฟหนุ่มกล่าว
Trip.Gourmet จองร้านอาหารทั่วโลกได้แล้ว
อีกการอัปเกรดหนึ่งก็คือ Trip.Gourmet สามารถรองรับการจองร้านอาหารมากกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก ร่วมกับแพลตฟอร์มการจองร้านอาหารชั้นนำ The Fork ในยุโรป, Chope ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, OpenRice ในฮ่องกง, มาเก๊า และไต้หวัน, OpenTable ในอเมริกาเหนือ และ TableCheck ในญี่ปุ่น ซึ่งทำให้การจองร้านอาหารยอดนิยมทั่วโลกเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิมสำหรับนักชิมทุกคน
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่นๆ สำหรับ Trip.Gourmet ยังรวมถึงการเปิดตัว Food Guide ซึ่งเป็นช่องทางแนะนำอาหารบนแพลตฟอร์ม Trip.Com ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นพบร้านอาหารเด็ดแบบ Local แนะนำรายชื่ออาหารพิเศษและเมนูที่ต้องลอง
นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปิดประสบการณ์ในการสัมผัสเอกลักษณ์ของอาหารท้องถิ่นในจุดหมายปลายทางที่หลากหลาย ซึ่งเสริมเข้ากับฟีเจอร์ Travel Guides ของ Trip.com ที่ครอบคลุม ไม่เพียงแค่ร้านอาหาร แต่ยังรวมถึงความบันเทิง, การเดินทาง, ที่พัก และการช็อปปิ้ง รวมถึงเครื่องมือที่มีประโยชน์ เช่น แผนที่และเส้นทางท่องเที่ยวแนะนำอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากหาร้านอร่อยในทริปที่กำลังจะมาถึง ลองเข้าไปใช้ฟีเจอร์ Trip.Gourmet กันดู รับรองว่าไม่พลาดร้านเด็ดแน่นอน!
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ยุคนี้ต้อง Live ขาย! Trip.com ลุยขายดีลเที่ยวในไลฟ์ เปิดตัวสตูดิโอใหม่ในกรุงเทพฯ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine