เส้นทางบทใหม่ “เฌอปราง อารีย์กุล” ชีวิตที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ อีกพาร์ตสำคัญในฐานะนักศึกษา Full-time MBA ของมหาวิทยาลัย GLOBIS ประเทศญี่ปุ่น ต่อยอดและจริงจังกับความชอบด้านธุรกิจ-การจัดการ พร้อมค้นหาเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง
นับเป็นเวลาร่วม 2 เดือนแล้วที่ เฌอปราง อารีย์กุล อดีตสมาชิกและชิไฮนิน (ผู้จัดการ) วง BNK48 ได้เดินทางไปศึกษาต่อในหลักสูตร Full-time MBA ของมหาวิทยาลัย GLOBIS ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเธอไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ยังคงบินกลับมาประเทศไทยและทำงานในวงการบันเทิงอยู่เป็นระยะ
เมื่อไม่นานนี้ เฌอปราง ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์และนักศึกษา ได้บินกลับมาร่วมงาน “Rethinking the MBA: ก้าวสู่การเป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายในยุคดิจิทัล” ของมหาวิทยาลัย GLOBIS ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมถ่ายทอดแรงบันดาลใจ และอัพเดตถึงชีวิตของนักศึกษา MBA ที่ต้องเรียน ทำงาน และค้นหาเป้าหมายของชีวิตไปพร้อมๆ กัน
เฌอปราง เข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะไอดอลวง BNK48 ทั้งในบทบาทผู้ที่เพอร์ฟอร์มบนเวทีเกือบ 7 ปี และอีก 2 ปี ในตำแหน่งชิไฮนินซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการวงมากขึ้น ทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรียนด้านการบริหารธุรกิจมาโดยตรง ต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอด และเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจ โดยทดลองจาก Pre-MBA ก่อน
“2 ปี ในตำแหน่งชิไฮนินอาจตอบโจทย์บางสิ่งบางอย่าง ได้ประสบการณ์หลายอย่าง และตอบคำถามให้ตัวเองได้ว่าตั้งแต่เด็กๆ เฌอจะได้รับทบาทผู้นำและผู้ประสานงานอยู่เสมอ จริงๆ เราอาจถนัดสิ่งนี้ก็ได้ แต่เราไม่ได้เรียนมาโดยตรง หนึ่งสิ่งที่ให้เฌอได้คือการเรียน Pre-MBA แบบออนไลน์ ที่สามารถนำไปประยุกต์ได้จริงตอนทำงาน ทำให้เฌอรู้ว่า หรือฉันอาจจะเหมาะกับสิ่งนี้”
เฌอปรางเริ่มด้วยการเรียน 1 คอร์ส เพื่อเป็นการทำความรู้จักมหาวิทยาลัย โดยพบว่าหลักสูตรค่อนข้างเหมาะสมและยืดหยุ่นกับตัวเองที่ต้องเรียนและทำงานไปด้วย ประกอบกับความฝันที่อยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศสักปี และต้องการหาคำตอบว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป
ตรงกับคอนเซ็ปต์ของมหาวิทยาลัย คือ Kokorozashi (Personal Mission) หรือการค้นหาเป้าหมายในชีวิต อย่างที่บรรดาแฟนคลับทราบกัน ว่าเฌอปรางเป็นคนที่เต็มที่กับความต้องการของตัวเองมาโดยตลอด แม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงค้นหาเป้าหมายและสเต็ปต่อไปของชีวิต แต่เมื่อเธอรู้แล้วว่าตัวเองมีความถนัดและต้องเรียนด้านธุรกิจอย่างจริงจัง จึงตัดสินใจสมัครศึกษาต่อในหลักสูตร Full-time MBA ซึ่งจะใช้เวลาเรียนแบบเข้มข้น 1 ปีเต็ม ที่แคมปัสในกรุงโตเกียว
หลักสูตรนี้ หนึ่งสัปดาห์จะเรียน 3 วัน ยังพอมีเวลาให้เธอได้ลองอะไรใหม่ๆ ได้ใช้ชีวิต รวมถึงกลับมาทำงานที่ไทยให้บรรดาแฟนคลับหายคิดถึง ช่วงนี้ของเฌอปรางจึงเป็นการบาลานซ์ชีวิต ทำ 1 ปีนี้ให้ดีที่สุด เพราะการเรียน Full-time MBA และทำงานไปด้วยถือว่าหนักพอตัว
“จากที่เรียน MBA มาร่วม 2 เดือน ต้องทำการบ้านเยอะมาก ศึกษาเคส และ Discuss ไอเดียจากเพื่อนร่วมห้อง การเรียนที่นี่จึงไม่ใช่ Lecture เป็นหลัก แต่อยู่บนพื้นฐานการสนทนา แชร์ไอเดีย และเรียนรู้จากอาจารย์หรือนักธุรกิจที่มีประสบการณ์จริง สิ่งที่ได้มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Strategic Thinking, Leadership Skill, Global perspective ที่เฌออยากไปสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ ไปเจอกับคนใหม่ๆ ที่ GLOBIS มีเพื่อนหลากหลายสัญชาติมาก การมาเรียนที่นี่จึงตอบโจทย์ความฝันตัวเองที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ ตอบโจทย์ด้านธุรกิจ และเรียนรู้จากทัศนคติที่หลากหลายในระดับโลก”
เฌอปราง เผยว่า เธอได้แนวคิดธุรกิจมากมายจากเพื่อนต่างชาติ หลายคนอยู่ในะระดับ Executive สามารถตัดสินใจได้ในองค์กร ทั้งเอเชียและยุโรป ทำให้ได้เรียนรู้ไอเดียและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้รู้สึกว่าเปิดโลก โดยที่ไม่ต้องไปประเทศนั้นๆ
อีกเหตุผลสำคัญที่ เฌอปราง เลือกเรียน MBA กับ GLOBIS เพราะอยากใช้และเข้าใจ AI ให้เก่งขึ้น เธอยอมรับว่าที่ผ่านมาตามไม่ค่อยทันและยังไม่รู้ว่า AI จะประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้อย่างไร แต่เมื่อเรียนแล้วจำเป็นต้องนำ AI มาประยุกต์ใช้ เป็นตัวช่วยทั้งการเกลาภาษา เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้น
การเรียน MBA กับตอนที่เป็นชิไฮนินย่อมแตกต่างกันมาก มีหลายเรื่องที่เฌอปรางได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับระบบธุรกิจ ทั้ง Finance, Marketing และ Strategy ตลอดจนพื้นฐานในการทำธุรกิจ ทั้งการวิเคราะห์ตลาด ซึึ่งการเมือง สังคม เทคโนโลยี ล้วนมีผลกับธุรกิจหนึ่งๆ ถือเป็นการเปิดโลกของอดีตชิไฮนินวง BNK48 เลยก็ว่าได้
“สิ่งที่เฌอเป็นมาตลอดคือชอบเรียนรู้ และไม่เคยหยุดเรียรู้ หลังจากที่รู้ว่าตัวเองมี Management skills มากกว่าที่คิด เราอยากจะต่อยอดในการทำอะไรบางอย่าง เพียงแค่เฌอยังไม่รู้เท่านั้นเองว่าอยากทำอะไร เลยถือโอกาสในปีนี้หาตัวตนเองผ่านการเรียน MBA และเสริม skills ด้าน Management, Technology และ Business”
ตอนนี้ เฌอปรางกำลังอยู่ในขั้นพื้นฐานของการเรียน ซึ่งเธอเผยว่า ไม่ใช่แค่ต้องทำงานส่ง แต่ต้องคิดว่าหลังจากนั้นจะสามารถเอาสิ่งที่คิดในชั้นเรียนไปใช้งานต่อได้จริงอย่างไร ถือว่ากดดันพอสมควรเพราะเพื่อนในห้องแต่ละคนไม่ธรรมดา และเธอเองยังหาแพสชั่นของตัวเองไม่ค่อยเจอเท่าไรนักว่าอยากทำอะไรต่อ แต่หลายคนที่มาเรียนล้วนมีเป้าหมายชัดเจน แต่การพบเจอเพื่อนหลากหลายประเภทก็ทำให้ได้ไอเดียจากคนที่ตั้งใจมาเรียนรู้และไม่ปิดกั้น
“จริงๆ ก็เริ่มได้ไอเดียแล้วว่า ฉันจะไม่ทำอะไรที่มันเล็กๆ ฉันจะต้องอยู่ในระดับที่เข้าใจทุกคน จะต้องเข้าใจสิ่งที่ทุกคนส่งให้โดยไม่ต้องไปลงลายละเอียดเอง แม้ยังไม่แน่ใจว่าจะทำธุรกิจสายไหน แต่ค่อนข้างอยากเป็นซัพพอร์ตเตอร์ อยากเป็นหนึ่งในทีมของคนที่มีไอเดียเจ๋งๆ เฌออาจจะไปอยู่กับคนที่มีแพสชั่นก่อนที่จะเจอเส้นทางของตัวเองก็ได้” เฌอปราง กล่าว
อ่านเรื่องราวอื่นๆที่น่าสนใจ : GLOBIS สถาบัน MBA ชั้นนำ ชูแนวคิด ‘Technovate’ ปรับหลักสูตรสู่เรียนรู้ AI แบบญี่ปุ่น เตรียมคนไทยสู่ผู้นำธุรกิจยุคเทคฯ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine