เก่งธุรกิจอย่างเดียวไม่ได้ ยุคนี้ต้องใช้ AI เป็นด้วย! GLOBIS สถาบันด้าน MBA ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ย้ำแนวคิด “Technovate” ผสานเทคโนโลยี-นวัตกรรม สร้างนักเรียน MBA รุ่นใหม่สู่ผู้นำธุรกิจยุค AI รับมือความท้าทายในปัจจุบัน
ในยุคที่เทคโนโลยีและ AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว การเรียน MBA ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มทักษะบริหารจัดการ แต่ต้องช่วยสร้าง “ผู้นำที่พร้อมเปลี่ยนโลก” นี่คือแนวคิดที่ มหาวิทยาลัย GLOBIS จากประเทศญี่ปุ่นยึดถือมาตลอดกว่า 30 ปี เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทางธุรกิจให้ก้าวทันยุค พร้อมสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่มีทั้งวิสัยทัศน์และหัวใจของความเป็นผู้ประกอบการ
มหาวิทยาลัย GLOBIS สถาบันด้าน MBA ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีคนไทยเรียน MBA ที่นี่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้ประกาศถึงแนวทางใหม่คือการปรับหลักสูตร MBA ให้สอดรับกับโลกยุคดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “Technovate” เพื่อพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ให้เข้าใจการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่หมุนเร็วขึ้น
โยชิโตะ โฮริ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย GLOBIS กล่าวว่า GLOBIS พร้อมเดินหน้ายกระดับพันธกิจในการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ผ่านหลักสูตร MBA ให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล พร้อมรับมือกับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายใต้แรงขับเคลื่อนของ AI ด้วยสองแนวคิดหลัก ได้แก่ "Technovate” หรือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี (Technology) และนวัตกรรม (Innovation)
“ขณะเดียวกันยังยึดถือแนวคิด ‘Kokorozashi’ หรือ ‘เป้าหมายในชีวิต’ เป็นอีกเสาหลักของการเรียนรู้ เเพื่อพลิกโฉมแนวคิดความเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีจุดมุ่งหมาย”
โฮริ กล่าวอีกว่า การศึกษาทั่วไปในปัจจุบันยังตามไม่ทันเทคโนโลยีหรือสิ่งที่ผู้เรียนต้องนำไปใช้ ทั้งๆ ที่การศึกษาควรก้าวหน้าไปมากกว่าด้วยซ้ำ นอกจากนี้ หลายมหาวิทยาลัยยังมีแนวทางที่คงความดั้งเดิม GLOBIS จึงเล็งเห็นตรงนี้ และหวังว่าจะต้องสร้างหลักสูตรที่นำหน้าสิ่งที่ผู้เรียนจะนำไปใช้
“เมื่อ GLOBIS มีแค่ MBA ก็สามารถลงทุนและพัฒนา หรือปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการลงทุนเกี่ยวกับ AI ที่ใช้ในการเรียนการสอนด้วย เพราะเมื่อ AI และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่การงานเปลี่ยน แต่พฤติกรรมผู้เรียนก็เปลี่ยนด้วย เป้าหมายของ GLOBIS จึงเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้ทันสมัย”
เดินหน้าสู่เป้าหมาย มหาวิทยาลัยธุรกิจอันดับหนึ่งโลก
สำหรับ GLOBIS นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดย โยชิโตะ โฮริ พร้อมแพสชั่นที่ต้องการสร้างและปฏิรูปสังคมผ่านการส่งเสริมระบบนิเวศของธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย 3 ด้าน คือการสร้างคน การเงิน และความรู้ โดยได้นำรูปแบบการเรียนการสอน MBA ที่ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาและตัวอย่างธุรกิจจริง
โดยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในปี 2549 และเติบโตจากนักศึกษาเพียง 78 คนในปีแรก สู่การเป็นสถาบัน MBA อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น โดยในปี 2567 มีนักศึกษา MBA เข้าร่วมกว่า 1,092 คน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาทั้งหมดในสาขาธุรกิจและเทคโนโลยีในประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบัน GLOBIS มีศิษย์เก่า MBA มากกว่า 11,200 คน จาก 83 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่ผ่านการเรียนในหลากหลายหลักสูตร ทั้งในรูปแบบเรียนในชั้นเรียน และออนไลน์
ทั้งนี้ สาเหตุที่ GLOBIS สามารถเติบโตก้าวกระโดดและมาเป็นผู้นำด้านการศึกษาธุรกิจในญี่ปุ่นได้ เพราะ GLOBIS ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัย แต่คือธุรกิจและนักธุรกิจที่ทำในสิ่งที่สอนเองด้วย โดยนอกจากบทบาทด้านการศึกษาแล้ว GLOBIS ยังเป็นนักลงทุนรายสำคัญในธุรกิจสตาร์ตอัพและบริษัท IPO รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ทางธุรกิจที่ครบวงจร เชื่อมโยงทั้งความรู้ เครือข่าย และโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้เรียน
ในด้านการขยายสาขา GLOBIS เพิ่งเปิดแคมปัสใหม่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และมีแผนจะเปิดเพิ่มเติมในไต้หวัน อินเดีย (นครมุมไบ) และโอมาน รวมถึงมองไปถึงการขยายสู่แอฟริกาและอเมริกาใต้ในอนาคต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นมหาวิทยาลัยธุรกิจอันดับหนึ่งของโลก จากที่สามารถพิชิตเป้าหมายการเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ในเอเชียได้แล้วตั้งแต่ 3 ปีก่อน (วัดจากจำนวนนักเรียนและรายได้)
โยชิโตะ โฮริ กล่าวทิ้งท้ายว่า “GLOBIS ไม่ได้เป็นเพียงมหาวิทยาลัย แต่คือพื้นที่สร้างผู้นำที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ผ่านการเรียนรู้ที่ผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม และหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้าด้วยกัน”
เรียนรู้ AI ผ่านสังคมญี่ปุ่น
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของ GLOBIS ที่มุ่งพัฒนาเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่ในเอเชีย ปัจจุบัน GLOBIS Thailand มีนักศึกษาไทยคิดเป็น 10% จากนักเรียนทั้งหมด 141 คนในปี 2025 และมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18% จากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของหลักสูตร MBA ภาษาอังกฤษที่ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่
วิจิตรอาภา มารมย์ ผู้อำนวยการ GLOBIS Thailand กล่าวว่า ความสนใจที่เพิ่มขึ้นของผู้เรียนไทยเกิดจากรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Full-time MBA, Part-time & Online MBA, Pre-MBA หรือ Nano-MBA ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองได้อย่างยืดหยุ่น
เธอกล่าวว่า “ปัจจุบัน ประเทศไทยและญี่ปุ่นเป็นสังคมสูงอายุ เมืองไทยกำลังเดินตามญี่ปุ่น ทั้งที่กำลังแข่งขันกับอินโดนีเซียที่มี GDP มากสุดในอาเซียน และประเทศที่กำลังเติบโตก้าวกระโดดอย่างเวียดนาม แต่ทั้งสองประเทศนั้นไม่ใช่สังคมผู้สูงอายุ
ดังนั้น ถ้าแนวโน้มประชากรไทยเป็นแบบญี่ปุ่นไปเรื่อยๆ ก็จำเป็นต้องเข้าใจว่าญี่ปุ่นทำอะไร เพื่อเรียนรู้ในอนาคตของเศรษฐกิจ และการศึกษา
สำหรับญี่ปุ่น การใช้ AI หรือเทคโนโลยีต่างๆ จึงไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่เป็น ‘สิ่งที่ต้องทำ’ เพราะขาดคนและแรงงาน โดยรัฐบาลและเอกชนทำงานควบคู่กันเพื่อให้การลงทุนด้าน AI ดำเนินการได้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนทำงานร่วมกับประเทศอื่นในด้านนวัตกรรม
“ญี่ปุ่นไม่ได้มอง AI ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ดีขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ต้องมีเพื่อให้อยู่รอด โดยประยุกต์ในทุกอุตสาหกรรม เพื่อให้ประเทศเดินต่อไป”
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราการยอมรับการใช้ AI ในธุรกิจไทยเพิ่มขึ้นเป็น 17.8% ในปี 2568 จาก 15.2% ในปี 2566 โดย 73.3% ของธุรกิจไทยเตรียมใช้ AI ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ของไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบและการใช้งานอย่างมีจริยธรรม ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ตลอดจนการกำกับดูแลและความรับผิดชอบ ในประเทศไทย AI จึงมีไว้เพื่อให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวที่มากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และการศึกษาให้น้อยลง
แต่ในญี่ปุ่นจะขยับไปอีกขั้น นั่นคือ มองเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยั่งยืน ญี่ปุ่นจึงมองไปที่การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเรียนรู้แบบปรับตัว
ตัวอย่างเช่น หากมีการต่ออายุเกษียณ ความรู้และประสบการณ์ที่เคยมีอาจไม่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา และ re-skill ซึ่งไม่ใช่แค่ในบริษัทยักษ์ใหญ่หรือภาครัฐเท่านั้น แต่ต้องกระจายความรู้เหล่านี้ให้เข้าถึงชุมชน ดังนั้นต้องพึ่งพาทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสตาร์ตอัพและ SMEs
“หากมีเพียงความรู้และความพยายามแต่ขาดเทคโนโลยี ธุรกิจก็อาจถูก Disrupt ได้ง่าย แต่ถ้ามีเทคโนโลยีโดยไม่มีเป้าหมาย ก็อาจหมดแรงผลักดัน ดังนั้น Technovate และ Kokorozashi จึงเป็นสองแนวคิดสำคัญของ GLOBIS ในการสร้างผู้นำที่สมบูรณ์แบบ” วิจิตรอาภากล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุด GLOBIS ได้แต่งตั้ง เฌอปราง-อารีย์กุล อดีตสมาชิกและผู้จัดการวง BNK48 ไอดอลเกิร์ล-กรุ๊ปชื่อดัง เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน รวมถึงการพัฒนาทักษะความรู้ของตนเอง โดย GLOBIS เห็นค่านิยมความเป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน และความมุ่งมั่นของเฌอปรางในการขยายเส้นทางอาชีพจากวงการบันเทิงสู่โลกธุรกิจ

อ่านเรื่องราวอื่นๆที่น่าสนใจ : มหา’ลัยแรกใน UK! Oxford แจก ChatGPT ฟรี นักศึกษา-บุคลากร ได้ใช้โมเดล GPT-5
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine