ความคลาสสิกอันยิ่งใหญ่แห่งนาฬิกา Cartier ณ ต้นปี ค.ศ.1888 Louis Cartier ให้กำเนิดนาฬิกาข้อมือในช่วงเวลาที่เหล่านาฬิกาพกและนาฬิกาคล้องสายสร้อยกำลังเป็นที่นิยม จนกลายเป็นการปูทางสู่การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นอื่นๆ อีกมากมาย และนี่คือนาฬิกา 6 รุ่น จาก Cartier ที่ทีม Forbes Life โหวตให้เป็นนาฬิกาสุดคลาสสิกที่น่าสะสมและน่าครอบครองมากที่สุด
The Santos Watch
ปี ค.ศ.1904
Louis Cartier สร้างสรรค์
นาฬิกาซานโตส (Santos) ให้กับสุภาพบุรุษนักบินในตำนาน
Santos-Dumont ผู้ซึ่งต้องการอุปกรณ์ที่สามารถบอกเวลาโดยไม่รบกวนการบินของเขา กลายเป็นที่มาของการเปลี่ยนจากนาฬิกาพกดั้งเดิม สู่นาฬิกาข้อมือที่เป็นเสมือนเครื่องประดับดูเวลาได้ทุกเวลา
Cartierเปิดตัวซานโตส ในปี ค.ศ.1911 และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนจะปรากฏโฉมขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ.1978 เมื่อ
Cartier กล้าที่จะติดตั้งนาฬิกานี้เข้ากับสายสร้อยข้อมือทองและสตีล ผ่านการขัดเงาและขัดด้านซาตินเพื่อสร้างภาพที่ตัดกัน พร้อมสกรูที่มองเห็นได้ กับขอบตัวเรือนยกสูง และสายสร้อยข้อมือแข็งแกร่ง ทำให้นาฬิกาซานโตสคือเรือนเวลาสำหรับสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง
The TORTUE Watch
ในปี ค.ศ.1912
Cartier เปิดตัวนาฬิกาที่มาพร้อมรูปทรงพิเศษอันเย้ายวนใจและได้กลายเป็นสมาชิกหลักอันยาวนานในประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาของ
Cartier นั่นคืองานออกแบบรูปทรง
“วงรี” และใช้ชื่อว่า
ตอร์ตู (Tortue) ด้วยความสำเร็จของ
ตอร์ตู ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1915 ทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกา
Cartier ที่ถูกซื้อมากที่สุดครองตำแหน่งร่วมกันกับซานโตส ความสนใจที่มีให้กับนาฬิกา 2 รุ่นนี้รวมไปถึง
นาฬิกาตอนโน (Tonneau) เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปี ค.ศ.1906 จนถึงปี ค.ศ.1918 ก่อนที่
นาฬิกาแทงก์ (Tank) จะเปิดตัวแนะนำด้วยซ้ำ
The Tank Watch
แทงก์ คือตัวแทนที่บ่งบอกถึงอัจฉริยภาพแห่งสไตล์และความมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว
Louis Cartier ออกแบบนาฬิการุ่นนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1917 โดยอ้างอิงจากส่วนที่เป็นแนวราบของบรรดารถถังเรโนลท์ (Renault) ของกองทัพ นาฬิการุ่นนี้ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วด้วยความโดดเด่นของเส้นสายอันบริสุทธิ์และสง่างาม เป็นนาฬิกาซึ่งครอบครองโดยเหล่าบุคคลสำคัญชื่อดัง นับตั้งแต่เจ้าชายแห่งอินเดีย เรื่อยไปจนถึงดาราภาพยนตร์อย่าง
Catherine Deneuve,
Elton John และ
Princess Diana
The Baignoire watch
ด้วยงานออกแบบรูปทรงวงรีดั้งเดิมและเปี่ยมเสน่ห์ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ.1912 และในปี ค.ศ.1956 นาฬิกาสายสร้อยข้อมือรูปทรงวงรีโค้งซึ่งยังไม่เคยมีชื่อมาก่อน ก็ได้กลายเป็นความคลาสสิกแห่ง
Cartierและต่อมาในปี ค.ศ.1973 นาฬิการุ่นนี้ก็ได้รับการตั้งชื่อให้อย่างเป็นทางการว่า
แบนัวร์ (Baignoire)นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีที่เป็นเสมือนผลงานอ้างอิงถึงความเป็นผู้หญิงตลอดกาล ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.2009 และนั่นได้กลายเป็นบทเรียนแห่งสไตล์ให้กับนาฬิกาคลาสสิกเจเนอเรชั่นใหม่อันยิ่งใหญ่ โดยถ่ายทอดผ่านรูปทรงวงรีอันสมบูรณ์แบบและสง่างาม ที่สร้างให้แบนัวร์กลายเป็นผลงานสร้างสรรค์สไตล์ปารีเซียงสูงสุดของ
Cartier
The Ballon Bleu de Cartier watch
นาฬิกาบัลลอง เบลอ (Ballon Bleu) ถือกำเนิดในปี ค.ศ.2007 เป็นนาฬิกาทรงกลมทั้งด้านบนและด้านล่างกับจักรกลไขลานที่ตกแต่งด้วยแซฟไฟคาโบชอง (sapphire cabochon) เสมือนโคจรอยู่รอบหน้าปัดและโดดเด่นมากกว่าที่เคยด้วยโลหะทรงโค้งซึ่งคอยปกป้องเม็ดมะยมไขลานอันล้ำค่า ขณะที่กระจกหน้าปัดขยายความโดดเด่นให้กับทั้งตัวเลขและการแสดงเวลา โดยตกแต่งด้วยตัวเลขโรมันในวิถีอันโดดเด่น เป็นไปตามการติดตั้งจักรกลไขลาน ขณะที่ความงดงามบนหน้าปัดแกะลายกิโยเช่ (Guilloche) ยังเสริมแต่งด้วยเข็มชี้ทรงดาบ กับข้อเชื่อมสายทำจากทองหรือสตีลขัดด้านภายในสายสร้อยข้อมือ ทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในนาฬิการุ่นที่ได้รับความนิยมและน่าสะสมที่สุดของ
Cartier
The Calibre de Cartier watch
สร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ.2010 เอกลักษณ์ความแข็งแกร่งนี้เสริมพลังด้วยโครงสร้างแห่งจักรกลภายในของตัวเรือนทรงกลม 42 มม. เปี่ยมเสน่ห์ด้วยขอบตัวเรือนและตัวเชื่อมสายโค้งสี่ด้านซึ่งขยายกว้างขึ้น และฝังเชื่อมอย่างลงตัวเข้ากับชิ้นส่วนตัวเรือนกลางทรงกระบอก เป็นการผสมผสานอย่างสมดุลประณีตระหว่างความแข็งแกร่งและความละเอียดอ่อน และเป็นส่วนผสมที่ตัดกันระหว่างงานตกแต่งขัดด้านซาตินและขัดเงา นาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติชุดแรกที่ผลิตขึ้นทั้งหมดโดย
Cartier นั่นคือ 1904 เอ็มซี (1904 MC) ซึ่งถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของนาฬิกา และนอกจากนี้ยังคล้องไปกับชื่อรุ่น ซึ่งเรียกขานกันว่า
ฟรองเซส์ (Française) ที่สร้างความโดดเด่น
คลิ๊กอ่าน Forbes Life Thailand ฉบับ Supplement ในรูปแบบ E-Magazine