หุ้น โออาร์ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก เปิดด้วยราคา 26.50 บาทต่อหุ้นจากราคาไอพีโอ 18 บาทหรือเพิ่มขึ้น 47% และปิดที่ราคา 29.25 บาทหรือเพิ่มขึ้น 62.50% พร้อมเตรียมเข้า SET50 แบบ Fast-Track ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 2.09 แสนล้านบาท
จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (‘OR’) เปิดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 11 ก.พ. 2564 นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ‘OR’ ด้วยราคา 26.50 บาทหรือเพิ่มขึ้น 8.5 บาทจากราคาไอพีโอ 18 บาทหรือเปลี่ยนแปลง 47.22% และปิดสิ้นวันที่ราคา 29.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 11.25 บาทคิดเป็น 62.5% ซึ่งมีราคาสูงสุดที่ 29.50 บาท และราคาต่ำสุดที่ 22.10 บาท “วันนี้นับเป็นวันสำคัญของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ทั้งสำหรับ โออาร์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อหุ้น OR ซึ่งเป็นหุ้น IPO ที่มีการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุดในตลาดทุนไทย ด้วยจำนวนกว่า 530,000 รายการ ได้เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้ โออาร์ สามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งใจไว้ คือ การเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง" ในวันแรกของการเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โออาร์ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1.16 แสนล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 2.61 พันล้านหุ้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 4.7 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขาย (IPO) 2.09 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast-track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับการจองซื้อหุ้นสำหรับผู้จองซื้อในประเทศในครั้งนี้ โออาร์ เปิดให้มีระยะเวลานานเกือบ 10 วัน เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจได้มีโอกาสเข้ามาจองซื้ออย่างเต็มที่ โดยภายหลังการปิดจองซื้อพบว่ามีผู้จองซื้อรายย่อยแสดงความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก มีจำนวนรายการที่จองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ธนาคาร ทั้งช่องทางการจองซื้อที่สาขาและช่องทางออนไลน์รวมกว่า 530,000 รายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โออาร์ จะมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นประมาณ 77.5% (ภายใต้สมมติฐานว่า ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) ไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนส่วนเกินจาก โออาร์ ทั้งจำนวน) โดย โออาร์ มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 30.0% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามที่กฎหมายและข้อบังคับของ โออาร์ กำหนด โดยต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของ โออาร์ ขณะที่บริษัทได้วางแผนการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน เครือข่ายร้านค้าปลีก และขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์ รวมถึงการลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและศูนย์กระจายสินค้า พร้อมทั้งลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ โดยส่วนหนึ่งจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืม (ถ้ามี) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการของโออาร์และบริษัทย่อย ตลอดจนแผนต่อยอดความสำเร็จและความชำนาญสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก “เรามั่นใจว่านักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและร่วมเป็นเจ้าของ OR จะเติบโตไปกับเราในฐานะผู้นำในการดำเนินธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ อย่างผสมผสานกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยแนวคิด “Retailing Beyond Fuel” ที่มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่น่าเชื่อถือ พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภค ควบคู่กับการสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างยั่งยืนและสมดุล” อ่านเพิ่มเติม: บีโอไอชี้แนวโน้มลงทุนกลุ่ม BCG รุ่งไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพบีโอไอชี้แนวโน้มลงทุนกลุ่ม BCG รุ่งจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine