LINE BK สรุปผลงานครึ่งแรกปี 2564 ยอดผู้ใช้งานโตต่อเนื่องทั้งด้านบัญชีเงินฝากและบริการด้านสินเชื่อ ครึ่งหลังปี 64 เตรียมเปิดตัวพันธมิตรใหม่ พร้อมปรับเป้าหมายธุรกิจตามสถานการณ์โควิด
บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด โดย ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดแถลงข่าวออนไลน์ เผยผลงาน LINE BK ครึ่งแรกปี 2564 หลังเปิดให้การในไทยเมื่อตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและไลน์ ประเทศไทย นำจุดเด่นจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของทั้งสองบริษัท หวังดัน Social Banking ให้เกิดผ่านแอปพลิเคชัน LINE ตอบโจทย์จบทุกธุรกรรมการเงินและสินเชื่อในแอปฯ เดียว ธนา โพธิกำจร เผยสถิติครึ่งปีแรก 2564 ใน 2 ส่วนสำคัญอันได้แก่ ส่วนที่หนึ่งได้แก่ธุรกรรมบัญชีการเงิน "ฝาก โอน จ่าย" โดยมี จำนวนบริการบัญชีเงินฝาก 3.4 ล้านบัญชีผู้ใช้ จำนวนบริการบัญชีเงินออมดอกพิเศษ 75,000 บัญชีผู้ใช้ และบริการบัตรเดบิต 1.4 ล้านบัตร รวมทั้งบัตรออนไลน์และบัตรเดบิตแบบแข็ง ส่วนที่สองได้แก่ ธุรกรรมด้านสินเชื่อ ที่ยอดรวมการสมัครวงเงินให้ยืม 4 ล้านครั้ง จากจำนวนลูกค้า 2 ล้านราย โดยอนุมัติแล้ว 350,000 ราย "จุดแข็งของเราคือการอยู่บนแอปฯ อันหนึ่งของประเทศ ทำทุกอย่างได้บน LINE โดยไม่ต้องสลับแอปพลิเคชันและไม่ต้องจำเลขบัญชี เรากำลังจะครบ 1 ปี แต่ตัวเลขต่างๆ จะยังไม่มากนัก ซึ่งเราก็คงต้องหาช่องทางหรือวิธีการต่างๆให้สะดวกหรือง่ายยิ่งขึ้นต่อไป รวมถึงการหาพันธมิตรเพิ่มทั้งในและนอกกลุ่มไลน์ เพื่อสร้างช่องทางที่ง่ายและสะดวกให้กับลูกค้าต่อไป" LINE BK เปิดให้บริการประมาณช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมากำลังจะครบ 1 ปี ธนา ประเมินและยอมรับว่าในด้านบริการ ฝาก โอน โถน แม้ตัวเลขต่างๆ จะยังไม่มากนัก ผู้ใช้งานแอปฯ LINE บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในหน้า wallet Balance ภายในแอปพลิเคชั่น Line สามารถสมัครและทำธุรกิจการเงินต่างๆ ได้ ซึ่งต้องทำการบ้านหาต้องหาช่องทางหรือวิธีการต่างๆให้สะดวกหรือง่ายยิ่งขึ้นต่อไป รวมถึงการหาพันธมิตรเพิ่มทั้งในและนอกกลุ่มไลน์ เพื่อสร้างช่องทางที่ง่ายและสะดวกให้กับลูกค้าต่อไป ซึ่งหลังจากเปิดตัว LINE BK ไปเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมีธุรกรรมการเงิน 5 หมื่นล้านบาท จำนวนบัญชีธนาคารกสิกรไทยที่ผูกผ่านไลน์บีเค 3.5 ล้านบัญชี ด้านบริการสินเชื่อ ปัจจุบันมียอดคงค้างประมาณ 9 พันล้านบาท จากจำนวนคำขอสินเชื่อ 4 ล้านครั้ง เป็นการขอซ้ำๆ จากจำนวนลูกค้า 2 ล้านราย โดย LINE BK ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 350,000 ราย มียอดวงเงินที่เบิกเป็นจำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท สัดส่วนของพอร์ตเป็นส่วนของลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำร้อยละ 59 และกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำร้อยละ 41 ได้กลุ่มกลุ่มคนรับจ้างไม่ประจำ กลุ่มเกษตรกร เป็นต้น โดยคิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ร้อยละ 20-25 ตอนนี้มีวงเงินกู้ยืมเฉลี่ย 35,000 บาทต่อราย ด้านสินเชื่อกลุ่มนาโนไฟแนนซ์ที่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 64 ที่ผ่านมา มีวงเงินกู้ยืมเฉลี่ย 11,000 บาทต่อราย และคิดดอกเบี้ยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อยู่ที่ร้อยละ 33 สำหรับอัตราหนี้เสีย หรือ NPL ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2 ถือว่ายังรับได้ส่องแนวโน้มครึ่งปีหลัง
สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลังนั้นยังคงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังมาก เนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ที่มีความยืดเยื้อได้ส่งผลในวงกว้างทั้งต่อเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไป และสถานการณ์ข้างหน้ายังไม่มีความชัดเจน ดังนั้น สิ่งที่ต้องเข้าไปดูแลอย่างเข้มข้นก็คือคุณภาพหนี้ มากกว่าการขยายสินเชื่อ ขณะที่เป้าหมายสินเชื่อนั้น ยังคงไม่มีการตั้งเป้าเพิ่มเติม แต่เชื่อว่า ณ สิ้นปีน่าจะแตะ 1 หมื่นล้านบาท ในส่วนของการขยายบริการคาดว่าคงจะเป็นบริการด้านธุรกิจด้านประกันและการลงทุน โดยธุรกิจตัวแทนประกันก็คาดว่าประมาณ 1 ปีจะเริ่มต้นได้ “เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การเงินในชีวิตประจำวันที่สะดวกและปลอดภัย ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าหมายให้ LINE BK ขึ้นเป็น 1 ใน 5 บริษัทชั้นนำด้านธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ พร้อมมุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตบริการทางการเงินรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น บริการด้านการประกัน และการลงทุน” ธนา กล่าวในตอนท้าย อ่านเพิ่มเติม: “ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน” ลดรอบ 8 เดือน ด้านหุ้นไทยมีลุ้น 1,800 จุด ปี 65ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine