IRPC ยิ้มรับสถานการณ์น้ำมันโลกปีหน้าชูธงขึ้นแท่นองค์กรนวัตกรรม 4.0
ในงานสัมมนา 2017 The Annual Petroleum Outlook Forum ซึ่งจัดขึ้นโดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่มบริษัท ปตท. (PRISM) และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เผยถึงทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์น้ำมันของโลกในปี 61 อย่างน่าสนใจว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกในปีหน้าที่มีการคาดการณ์กันว่าจะฟื้นตัวขึ้นจาก 3.6% มาอยู่ที่ 3.7% คือดัชนีสำคัญที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มสถานการณ์น้ำมันของโลกว่า มีแนวโน้มขยับเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ความต้องการน้ำมันดิบจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับราว 1.4-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลุ่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และผลพวงจากการปรับลดกำลังการผลิต ตามข้อตกลงของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งแม้สหรัฐฯจะกลับมาเพิ่มการผลิตเชลออยล์ แต่ด้วยภาวะต้นทุนจากการกระจายการผลิตไปยังแหล่งใหม่ๆ จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันปิโตรเลี่ยมในปีหน้ายังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกรอบแคบๆ
อย่างไรก็ตาม นายสุกฤตย์ ย้ำว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องติดตามว่าจะเข้ามามีผลต่อทิศทางและแนวโน้ม สถานการณ์น้ำมันของโลกทั้งเรื่องของเทคโนโลยี นโยบายการเมือง เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อมของซีกโลกตะวันออกและตะวันตกตลอดจนทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มมุ่งสู่การผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหันมาใช้พลังงานไฟฟ้า และพลังงานทดแทน
“สำหรับผลกระทบจากเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) ต่อราคาน้ำมัน ผมเชื่อว่าจะมาช้ากว่าที่หลายคนคิด ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างของยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งเรื่องราคาที่สูง การใช้งานยังได้เพียงระยะสั้นๆ บวกกับสถานีจ่ายไฟฟ้ายังไม่ทั่วถึง แม้รัฐบาลหลายประเทศจะเริ่มขีดเส้นตายให้มีการเลิกใช้รถยนต์ที่มีการสันดาปเชื้อเพลิงแต่ก็ยังไม่ได้ให้หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 100% ยังคงให้ใช้รถยนต์แบบปลั๊กอิน ไฮบริด (รถยนต์ที่ยังต้องใช้น้ำมันร่วมด้วย) เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่ากลุ่มธุรกิจโรงกลั่นฯ ยังสดใสไปอีก 1 - 2 ปี ความท้าทายอย่างเดียวของเราในเวลานี้ คือภาวะเศรษฐกิจโลก ตราบที่เศรษฐกิจโต ธุรกิจเราโตตามแน่นอนถึงปีห้นาจะโตจากปีนี้แค่ 0.1% แต่ผมมองว่าดี เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป”
ส่วนความท้าทายของเทคโนโลยีที่คืบคลานเข้ามาพลิกโฉมหลายธุรกิจในเวลานี้ แม่ทัพใหญ่แห่ง IRPC มองว่า สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมไม่ใช่ปัญหา เพราะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจนานแล้ว ทำให้วันนี้กลุ่มธุรกิจไม่เพียงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ยังอยู่ในจุดที่มองหาเทคโนโลยีเพื่อเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ
ปัจจุบัน IRPC มีนโยบายที่จะยกระดับองค์กรไปสู่ “IRPC 4.0” โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ใน 5 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านปฏิบัติการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยประเมินผลและตรวจสอบการทำงานของหน่วยผลิตได้แบบรายวันว่าสามารถผลิตได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่ จากในอดีตที่ต้องประเมินเป็นรายเดือน ด้านการบำรุงรักษา ในอดีตมี 2 วิธีหลัก คือ Breakdown Maintenance คือ เสียแล้วซ่อม กับ Preventive Maintenance คือ ตรวจซ่อมบำรุงตามเงื่อนเวลาแต่ในอนาคตอันใกล้จะมีการนำระบบ Predictive Maintenance หรือการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์มาใช้ถัดมา คือ ด้านการจัดซื้อ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้บริษัทสามารถเข้าถึง Supplier จากทั่วโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด ช่วยย่นระยะเวลาในการติดต่อเพื่อขอใบเสนอราคาจนถึงการสั่งซื้อให้สั้นลง ตลอดจน สามารถเปิดประมูล ผ่านระบบ e-bidding เพื่อคัดเลือก Supplier ที่เสนอราคาต่ำที่สุดได้
ทั้งนี้นับตั้งแต่ IRPC เริ่มใช้ระบบจัด ซื้อดังกล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน สามารถช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อไปได้ 10-20% ในส่วนของการเงิน IRPC ได้นำเทคโนโลยี Block chain ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการโอนเงินระหว่างประเทศมาใช้เพื่อให้ได้รับเงินทันที ไม่ต้องรอ 1-3 วัน เหมือนอดีตสร้างความได้เปรียบในเวทีธุรกิจ เพราะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและคู่ค้ายังได้รับสินค้าเร็วขึ้นด้วยสุดท้าย คือ ในเชิงพาณิชย์ IRPC ได้พัฒนา Application เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ผ่านสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนจะสร้าง Single Platform เพื่อบูรณาการทุกผลิตภัณฑ์ของ IRPC ให้มารวมอยู่ใน App เดียว
“จากนี้เรามองว่า เราต้องเป็น Quick Follower เป็นผู้ติดตามได้เร็วเทคโนโลยีอะไรมาเราต้องพร้อมเปิดรับ และเลือกนำมาใช้อย่างถูกต้องและถูกจุดเพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์กรไปควบคู่กัน ที่ผ่านมาเรามีโครงการ Phoenix และ Delta และล่าสุดได้ต่อยอดมาสู่โครงการ “EVEREST” เพื่อพัฒนาต้นทุนมนุษย์ ผมเชื่อว่า ถ้านำ “EVEREST” รวมกับเทคโนโลยีล่าสุด จะนำพาให้ IRPC พิชิตเป้าหมายการเป็นบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำของเอเชีย (Top Quartile) ได้ภายในปี 2020 อย่างแน่นอน” นายสุกฤตย์ ทิ้งท้ายด้วยแววตามุ่งมั่น
TAGGED ON