ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนไทย 3 เดือนข้างหน้ายังคงร้อนแรง โควิดระบาดรอบใหม่ไม่กระทบ เศรษฐกิจโลกทยอยฟื้นตัว ดันเงินทุนไหลเข้า FETCO คาดดัชนีหุ้นไทย 1,600 จุด หุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี น่าสนใจ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวยังน่าเป็นห่วง
ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ที่สำรวจในเดือนธันวาคม 2563 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 130.63 ปรับตัวลดลงร้อยละ 19.1 มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” จากผลสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2563 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ซึ่งเป็นผลจากการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 แต่ไม่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากนัก ทั้งนี้ ปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย มาจากปัจจัยการไหลเข้าของเงินทุนมากที่สุด รองลงมา คือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 40 ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมา คือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศและการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนบุคคลและนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ขณะที่กลุ่มบัญชีหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” “กลุ่มนักลงทุนบุคคล และสถาบันในประเทศ มีความเป็นห่วงเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แต่ปัจจัยสำคัญ คือเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการเข้ารับตำแหน่งของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะทยอยออกมา รวมทั้งมาตรการ QE ที่ทำให้สภาพคล่องมีมากขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยต่ำ เงินจึงไหลไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก” ไพบูลย์กล่าว ทั้งนี้ จะเห็นได้จากแนวโน้มตลาดหุ้นของไทย เพียง 5 วันทำการของปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 100 จุด ขณะเดียวกันเป็นการสะท้อนประสิทธิภาพของวัคซีนที่มากกว่า 40 ประเทศได้มีการฉีดให้กับประชาชนแล้ว ทำให้ความกังวลของการระบาดรอบใหม่ ระลอก 3 หรือ 4 ในบางประเทศไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ที่สำคัญแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าจะยังไม่สามารถปรับขึ้นได้เป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก “ตลาดหุ้นไทย อยู่ในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ดัชนีหุ้นไทยจะขยับขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,600 จุด ต้องดูปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมทั้งปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งหากว่าไม่มีปัจจัยใหม่ เชื่อว่าจะไม่กระทบมากนัก” ไพบูลย์กล่าว สำหรับหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนสนใจ เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี รวมทั้งกลุ่มไอซีที ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด คือ การท่องเที่ยว เช่น สายการบิน โรงแรม ที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาอยู่ที่ 40 ล้านคนต่อปีเป็นไปได้ยาก รองลงมา คือหมวดแฟชั่น (FASHION) และหมวดสื่อสิ่งพิมพ์ (MEDIA) อ่านเพิ่มเติม: เอพี ไทยแลนด์ คาดยอดโอนสูง 4.6 หมื่นล้านบาท มั่นใจฝ่าวิกฤตด้วยความแข็งแกร่งไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine