สมาคมนักวิเคราะห์คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 64 พุ่งสูงสุด 1,631 จุด มองปัจจัยบวกเศรษฐกิจโลกฟื้น เงินทุนไหลเข้า เชื่อโควิดระลอกใหม่เป็นปัจจัยระยะสั้น คาดจีดีพีไทยบวก 3.74% เปิดโผแนวโน้มหุ้นเด่น ADVANCE BDMS CPALL KBANK และ PTTGC
สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน 23 แห่ง ครั้งที่ 1 ปี 2564 (IAA Survay ไตรมาสที่ 1/ 2564) คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (หุ้น) ไทยในปี 2564 จะขึ้นไปสูงสุดที่ 1,631 จุด ต่ำสุดที่ 1,338 จุด มีอัตราการเปลี่ยนแปลงอยู่ประมาณ 300 จุด ขณะที่สิ้นปี 2564 คาดว่าดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,559 จุด เพิ่ม 110 จุด จากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 1,449 จุด ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภาวะตลาดหุ้นไทย มีแนวโน้มเป็นบวก คิดเป็นสัดส่วน 61% ของผู้ตอบแบบสอบถาม แกว่งตัว 26% และอยู่ในแดนลบ 16% ซึ่งเป็นผลจากการวิเคราะห์ปัจจัยบวกและลบที่เกิดขึ้นในปี 2564 สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์มองว่าจีดีพีไทยจะขยายตัว 3.74% ในปี 2564 ซึ่งมาจากปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ การใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของแต่ละประเทศ เงินทุนไหลเข้า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่คาดว่าจะลดลง ขณะที่ปัจจัยลบที่นักวิเคราะห์กังวลมากที่สุด ได้แก่ การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ปัญหาการเมืองในประเทศ และเศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่ดีนัก ซึ่งนักวิเคราะห์มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยใช้มาตรการช่วยเหลือประชาชนมากที่สุด ตามด้วยการเร่งลงทุนภาครัฐ และช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ “ความกังวลของนักวิเคราะห์ต่อการระบาดของโควิดระลอกใหม่มีไม่มากนัก และมองว่าในระยะสั้นรัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมทั้งข่าวเรื่องการเตรียมวัคซีนสำหรับฉีดให้ประชาชน ทำให้นักลงทุนคลายความกังวล และมองข้ามสถานการณ์ไป อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยยังคงติดลบ แต่จะทยอยฟื้นตัวในไตรมาสที่สองเป็นต้นไป” สมบัติกล่าว สำหรับ 5 อันดับหุ้นเด่นในปี 2564 ได้แก่ ADVANCE ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการ Work from Home ประกอบกับเป็นบริษัทพื้นฐานดี มีกระแสเงินสดดี หุ้น BDMS หรือเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่มีกำไรฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากลงไปต่ำสุดในไตรมาส 2 ของปี 2563 หุ้น CPALL KBANK และ PTTGC ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ต้องเลี่ยง ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม สายการบิน และหุ้นอิเลคทรอนิกส์ที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ทั้งนี้คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) เฉลี่ยอยู่ที่ 40% หรือประมาณ 77 บาทต่อหุ้น เพิ่มจากปี 2563 ที่อยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น อ่านเพิ่มเติม: STGT เริ่มเทรดพาร์ใหม่ 5 ม.ค.นี้ หนุนเพิ่มสภาพคล่องและขยายฐานผู้ลงทุนไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine