STGT ดีเดย์วันที่ 5 มกราคมนี้ เริ่มเทรดหุ้นที่พาร์ใหม่ พร้อมปรับนโยบายจ่ายเงินปันผลเป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ
บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ดีเดย์วันที่ 5 มกราคมนี้ เริ่มเทรดหุ้นที่พาร์ใหม่ หนุนเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายบนกระดานและขยายฐานนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมปรับนโยบายจ่ายเงินปันผลเป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ จากเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ส่วนปี 2564 เตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทุกไตรมาสในเดือนมิถุนายน กันยายนและธันวาคม จริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือSTGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2564 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเริ่มซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ราคาพาร์ใหม่ หลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นอย่างเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นSTGT เพิ่มขึ้นเป็น 2,869.56 ล้านหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 1,434.78 ล้านหุ้น และเป็นประโยชน์กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น จากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากนักลงทุนจะใช้เงินลงทุนขั้นต่ำต่อการซื้อหุ้นในแต่ละครั้งลดลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นSTGT และส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนผู้ถือหุ้น รวมถึงสร้างความสนใจให้แก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่พิจารณาสภาพคล่องการซื้อขายหุ้นของแต่ละบริษัทเป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินใจเพื่อเข้าลงทุน นอกจากนี้ ยังจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทฯ เทียบเคียงได้กับราคาหุ้นของผู้ประกอบการถุงมือยางชั้นนำในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศมาเลเซีย (KLSE) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ (SGX) อันจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในหุ้นSTGT ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ จากเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ และในปี 2564 มีนโยบายจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทุกไตรมาสในเดือนมิถุนายน กันยายนและธันวาคม อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริษัทฯ อาจทบทวนนโยบายจ่ายเงินปันผลได้ตามที่เห็นสมควร ขณะที่ความคืบหน้าการนำหุ้นSTGT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ (Secondary Listing by way of Introduction) บนกระดานหลัก (Main Board) นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นเอกสารเพื่อพิจารณา คาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/2564 โดยไม่มีการออกและเสนอขายหุ้นใหม่ แต่เป็นการนำหุ้นเดิมบางส่วนเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะอำนวยให้เกิดการขยายฐานผู้ถือหุ้นที่หลากหลาย สร้างชื่อเสียงบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงใช้เป็นช่องทางระดมทุนเพิ่มเติมในอนาคตได้ อ่านเพิ่มเติม: สตางค์ชี้ ปี 2564 “ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่” คึกคักไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine