กูรูการลงทุนชี้เศรษฐกิจโลกฟื้น เชียร์ลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย
ขายน้ำมันทำกำไร พร้อมเฝ้าระวังความเสี่ยง Brexit เลือกตั้งยุโรป ราคาน้ำมัน การลดอัดฉีดสภาพคล่องผ่าน QE หลังผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 ด้วยอัตรา 3% ในปีที่ผ่านมา ในปี 2560 คมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2560 จะมีการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่กลับมาเร่งตัวตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัว ส่งผลต่อรูปแบบการใช้นโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้นโยบายการเงิน เช่นการทำ QE และดอกเบี้ยติดลบ ไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลัง
สำหรับจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือ การชนะการเลือกตั้งของประธานาธิบดี Donald Trump และการครองเสียงข้างมากของพรรค Republican ในสภาคองเกรส ซึ่งจะทำให้เกิดการผลักดันมาตรการลดภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลกในปี 2560
ขณะเดียวกันกูรูทิสโก้ ยังแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump และตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากค่าเงินเยนอ่อนค่าและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำไรบริษัทจดทะเบียน รวมถึง Valuation ที่ยังถูกจึงเป็นโอกาสลงทุน
นอกจากนั้น ตลาดหุ้นอินเดีย ที่ปรับฐานจากผลกระทบของการยกเลิกการใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี น่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวเพียงระยะสั้นๆ แต่ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาวยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมทั้งแนะนำให้ขายทำกำไรในน้ำมันที่ราคาปรับขึ้นมากและข่าวดีจากความตกลงลดปริมาณการผลิตได้ถูกประกาศออกมาหมดแล้ว รวมถึงทยอยสะสม ทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่
1) ความเสี่ยงทางการเมืองจากการเจรจา Brexit และการเลือกตั้งในยุโรปหลายประเทศ
2) ราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวลดลงหากกลุ่ม OPEC ตัดสินใจกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมปลายเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้
3) แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น เช่นการปรับขึ้นดอกเบี้ยและการลดการอัดฉีดสภาพคล่องผ่าน QE ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นราวไตรมาส 4 ของปี