กรุงศรีฯ เดินหน้าขยายตัวสู่ธนาคารแห่งอาเซียน - Forbes Thailand

กรุงศรีฯ เดินหน้าขยายตัวสู่ธนาคารแห่งอาเซียน

ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และพิษเศรษฐกิจมากมาย กรุงศรีฯ กลับพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมั่นคงด้วยผลประกอบการสวยเกินคาด และแผนการอันใหญ่โต

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ กรุงศรีฯ ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบและครัวเรือนจำนวนมากให้ฟื้นตัวในช่วงที่เศรษฐกิจใจร้ายกับทุกภาคส่วน ด้วยวงเงินช่วยเหลือจากกรุงศรีฯ ถึง 1.7 แสนล้านบาท อีกทั้งยังสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับ SMEs อีกกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท

นอกจากกรุงศรีฯ จะยื่นมือไปช่วยเหลือคนไทยจำนวนมากแล้ว ทางธนาคารเองก็ได้เห็นตัวเลขผลประกอบการที่น่าภูมิใจ โดยทางธนาคารมีกำไรสุทธิ ซึ่งนับรวมกำไรพิเศษจากเงินลงทุนในการขายหุ้นในเงินติดล้อถึง 3.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่คล้ายคลีงกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด

อีกทั้ง อัตราเงินส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา เป็นร้อยละ 184.2 ส่วนสินเชื่อของทางกรุงศรีฯ ก็โตขึ้นถึงร้อยละ 3.1 ดั่งคำมั่นต่อสื่อและผู้ถือหุ้น

ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 3.24 นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในตลาด และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินกิจการปกติอยู่ที่ร้อยละ 39.8 รวมกำไรพิเศษจากเงินติดล้อ อีกทั้งหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ร้อยละ 2.2 

ผลประกอบการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่น ความสมดุลของธุรกิจ การบริหารค่าใช้จ่ายที่ดี การบริหารสินทรัพย์มีประสิทธิภาพ และความมั่นคงของธนาคารกรุงศรีฯ ได้เป็นอย่างดี แต่ธนาคารแห่งนี้ก็ไม่หยุดขยายตัว และแผ่ปีกกว้างในวงการนี้ง่ายๆ

และเมื่อตัวการที่ไม่คาดคิดอย่างโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจมหภาคและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทางกรุงศรีฯ เองก็ต้องมุ่งยกระดับในหลากหลายด้านเพื่อก้าวเป็นหัวแถวให้ได้ โดยก้าวต่อไปของธนาคารแห่งนี้คือการเป็นธนาคารที่หนึ่งในใจลูกค้า เชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน และเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในอาเซียนให้ได้

เซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)กล่าวว่า "อีกหนึ่งปีที่ท้าทายนี้ กรุงศรียังคงรักษาคำมั่นในการช่วยเหลือเชิงรุกให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้วยมาตรการต่าง ๆ ขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยการปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี" และในการก้าวไปข้างหน้าครั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีฯ ได้มีจุดสำคัญหลัก 3 ประการด้วยกัน

เชื่อมต่ออาเซียน

การก้าวเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในอาเซียนครั้งนี้ กรุงศรีฯ มุ่งต่อยอดจากจุดแข็งและจุดเด่นในการที่เป็นส่วนหนึ่งของ MUFG (Mitsubishi UFJ Financial Group) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก 

เซอิจิโระ อาคิตะ

การเป็นส่วนหนึ่งของ MUFG จะสามารถสร้างความแตกต่างให้กับกรุงศรี และช่วยให้เป้าหมายของกรุงศรีฯ ในการเชื่อมประเทศเหล่านั้นเข้าด้วยกัน และพาลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจก้าวไกลไปในอาเซียนอย่างไร้รอยต่อเป็นจริงได้

ธนาคารกรุงศรีฯ เริ่มดำเนินงานในอาเซียนตั้งแต่ปี 2557 และหลังจากที่ได้ยกระดับ Hattha Bank เป็นธนาคารพาณิชย์ในกัมพูชา และถ่ายทอดความเชี่ยวชาญรวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในลาวและฟิลิปปินส์ไป ธนาคารกรุงศรีฯ ก็ได้เปิดตัวบ้านหลังที่ 5 ในภูมิภาคอาเซียนไปในเวียดนามผ่านการจับมือกับ SHB Finance

โดยเวียดนาม ถือเป็นประเทศที่ขยายตัวเร็ว มีอุปสงค์ทางบริการงานการเงินที่สูง อีกทั้งยังมีเครือข่ายบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมาก ทำให้ทางธนาคารสามารถเรียนรู้ และต่อยอดด้านเทคโนโลยีได้ในอนาคต

ปัจจุบันให้บริการกับลูกค้าในอาเซียนมากกว่า 500,000 บัญชี 6.4 หมื่นล้านบาท

ประโยชน์ที่ลูกค้าชาวไทยจะได้รับจากการขยายตัวสู่อาเซียนของกรุงศรีนั้นมีตั้งแต่การทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้หลากหลายประเทศมากขึ้น โดยกรุงศรีฯ มุ่งเพิ่มประเทศที่ลูกค้าสามารถโอนและชำระเงินระหว่างประเทศจาก 3 เป็น 8 ประเทศภายในปี 2565 โดย ณ ปัจจุบัน มีธุรกรรมในอาเซียนผ่านกรุงศรีมากกว่า 500,000 ครั้ง มูลค่ารวมมากกว่า 200,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี

นอกจากนี้ยังมีบริการเงินกู้แบบ Term Loan สำหรับธุรกิจไทยในพม่า การให้บริการ Payable Finance ในเวียดนาม นอกจากนี้ลูกค้าไทยในสิงคโปร์ยังสามารถเปิดบัญชีระหว่างประเทศแบบรับเงินได้อีกด้วย

อาคิตะ กล่าวเสริมว่า "กรุงศรีฯ พร้อมที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราเดินหน้าสู่อาเซียนกับกรุงศรี’ (Go ASEAN with Krungsri)  ผ่านสามแกนหลัก คือ การพาลูกค้าของเราไปให้ไกลกว่าประเทศไทย (Beyond Thailand) ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่เข้มแข็งของ MUFG และความแข็งแกร่งของกรุงศรีในการเชื่อมโยงตลาดในภูมิภาคอาเซียน  การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจผ่านการให้บริการที่เป็นมากกว่าสถาบันการเงิน (Beyond Banking) เพื่อทั้งลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย  ตลอดจนการเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการทำมากกว่าเทคโนโลยี (Beyond Tech) ด้วยการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้า"

พันธมิตรที่คุณไว้วางใจ

กรุงศรีฯ มุ่งสร้างพันธมิตรเพิ่มเติมในหลากหลายกิจการ รวมถึงฟินเทคและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เป็นธรรมและสะดวก ทุกคนเข้าถึงได้ อีกทั้งทางกรุงศรีฯ ยังหาโอกาสในธุรกิจการลงทุนทั้งสินทรัพย์ดิจิทัล และ offshore ทั้งในฐานะผู้ระดมทุนและลงทุน มุ่งปลดล็อกศักยภาพนักลงทุนไทย รวมถึงคอยเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างตามความต้องการของลูกค้าแต่ละประเภทอีกด้วย

นอกจากจะมุ่งเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจแล้ว ทางกรุงศรีฯ ยังมุ่งให้บริการอื่นๆ นอกเหนือจากด้านการเงิน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละวัน โดยการสร้างระบบนิเวศที่สำคัญครอบคลุมในสามขอบข่ายคือ ยานยนต์ ที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์

สำหรับระบบนิเวศด้านยายนต์ กรุงศรีฯ ได้เปิดตัว GO by Krungsri Auto มอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าที่ต้องการจะซื้อรถ และเป็นเจ้าของรถอยู่ ณ ปัจจุยัน อีกทั้งยังมีพาร์ทเนอร์หลากหลาย มีกลุ่มธุรกิจของญี่ปุ่น และ SMEs ให้ลูกค้าเลือกใช้บริการมากมาย

ในด้านของระบบนิเวศที่อยู่อาศัยก็ได้เปิดตัว Krungsri Home Loan Connect เจาะตลาดผู้ซื้อบ้าน และคอนโด อีกทั้งยังมุ่งต่อยอดให้บริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เช่น ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมบ้าน หรือแม้กระทั่งขายบ้าน เป็นต้น

ส่วน Krungsri Business Link เป็นแพลตฟอร์มระบบนิเวศการพาณิชย์แบบออนไลน์ ช่วยจับคู่ธุรกิจ ขยายโอกาสทางธุรกิจในไทยและอาเซียนให้แก่ลูกค้าของกรุงศรี

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ

ปัจจุบัน กรุงศรีฯ ยังคงพัฒนาระบบนิเวศทั้ง 3 เพื่อเพิ่มฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่างไม่หยุดหย่อน

พันธมิตรที่ให้ผลงามที่สุดของกรุงศรีฯ คงหนีไม่พ้นการจับมือกับ Grab โดยทางกรุงศรีฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งด้านสินเชื่อและอื่นๆ ให้กับทุกภาคส่วนของระบบนิเวศ Grab ตั้งแต่ผู้ใช้งานจนถึงผู้ขาย ทำให้ผู้ใช้งาน Grab กว่า 200,000 บัญชีสามารถสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายกว่าเดิม

พันธมิตรที่ทางกรุงศรีฯ มุ่งต่อยอดในปี 2565  มีตั้งแต่พันธมิตรด้านพลังงาน, โทรคมนาคม, รีเทลและอีคอมเมิร์ซ, ประกัน จนไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

กรุงศรีฯ ยังเดินหน้าตามแนวทางการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่เน้นในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ด้วยการประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อและตราสารหนี้ที่เชื่อมโยงกับแนวทางความยั่งยืนเป็นรายแรกของประเทศไทยอีกด้วย โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593

ดิจิทัล & นวัตกรรม

กรุงศรีฯ มุ่งยกระดับเทคโนโลยีของธนาคารด้วยกว่า 190 API กับ 27 พันธมิตร เพื่อเปลี่ยนให้องค์กรเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า เป็นฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ รวมไปถึงการใช้ดิจิทัลโซลูชั่น กับนวัตกรรมในทุกภาคส่วน และลงทุนปรับพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และบุคคลากรให้ทันสมัยขึ้น อีกทั้งกรุงศรีฯ ยังได้จับมือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในโครงการ Smart Financial Infrastructure โดยใช้​ Open Data, Open Infrastructure และ Open Competition Policy ทั้งในแพลตฟอร์มเทรดดิจิทัลในประเทศและระดับสากล ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีฯ ยังได้ลงทุนในฟินเทคที่มีศักยภาพประสบความสำเร็จ 4 ราย (Wisesight, Builk One, Zipmex และ Peak) รวมถึงเปิดตัวกองทุนสตาร์ทอัพกองทุนแรกอย่าง Finnoventure ​Fund อีกด้วย

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร กล่าวสรุปว่า "การเชื่อมโยงอาเซียน การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ และการนำด้วยดิจิทัลและนวัตกรรม เป็นกุญแจสำคัญของเราในปี 2565 เราพร้อมที่จะพาลูกค้าไปมีประสบการณ์ Beyond Thailand, Beyond Banking และ Beyond Tech ด้วยกัน"

  ทัตชญา บุษยากิตติกร - รายงาน อ่านเพิ่มเติม: Diem ฝันที่สลายของ Facebook ในการสร้างคริปโต
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine