คลื่นลูกใหม่แห่งวงการอสังหาฯ จับจังหวะดีมานด์เปลี่ยนทิศ ค้นช่องว่างตอบโจทย์คอนโดตามแนวรถไฟฟ้า ขยับจากเจ้าทำเลโซนตะวันออกสู่พอร์ตการลงทุนครบวงจร
รถไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนเชื่อมมหานครไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายและเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมือง แต่ยังช่วยเปิดน่านน้ำทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถไขว่คว้าโอกาสสร้างทางลัดสู่การเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พร้อมจับจังหวะเดินหน้าเชิงรุกตามเสียงสัญญาณประกาศ “สถานีต่อไป...” ขณะที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ทุ่มทุนกับทำเลทองใจกลางเมือง ซีอีโอธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วัย 33 ปีตัดสินใจยื่นใบลาออก เพื่อปักหมุดธุรกิจบนพื้นที่ห่างไกลในโซนตะวันออกของมหานคร ด้วยความเชื่อมั่นในประสบการณ์ร่วมทศวรรษและโอกาสที่เล็งเห็นตลอดเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า “ผมเริ่มจากพนักงานบริษัทเอกชนในธุรกิจก่อสร้างอาคารตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยเรียนรู้ทั้งงานรับเหมาก่อสร้างโครงการให้ราชการ และได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอในวัย 28 ปีในโครงการบ้านจัดสรรย่านนิคมอุตสาหกรรม และบริหารอสังหาริมทรัพย์ทั้งกลุ่มบริษัท” พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในวัย 41 ปีเล่าถึงเส้นทางการทำงานที่สามารถเติบโตไต่ระดับอย่างรวดเร็ว แม้ชื่อของ “ออริจิ้น” จะเป็นม้านอกสายตาในช่วงเริ่มต้นปี 2552 ด้วยธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 10 ล้านบาท แต่พีระพงศ์สามารถแสดงฝีไม้ลายมือ ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมตั้งแต่สมัยสวมหมวกวิศวกรถึงยุคใส่สูทบริหารดูแลโครงการหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งเคยชิมลางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเมื่อครั้งอายุ 26 ปี โดยทุบกระปุกลงทุนกว่า 40 ล้านบาทสร้างอะพาร์ตเมนต์ย่านนอร์ธปาร์คในปี 2546 “ในส่วนของงานก่อสร้างเราไม่ห่วง เพราะเคยมีประสบการณ์ด้านนี้ แต่เราไม่เคยมีคอนโดฯ ในแบรนด์ของตัวเองมาก่อน ซึ่งส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่งก่อสร้างพร้อมกับโครงการของเรา และสร้างเสร็จไล่เลี่ยกัน ความท้าทายของเราอยู่ที่ว่าเราจะขายได้เร็วขายได้ดีหรือไม่ โดยหลังจากขายพรีเซลล์โครงการแรกหมด เราก็เริ่มหาที่แปลงใหม่” พีระพงศ์กล่าวถึงโครงการ Sense of London สุขุมวิท 109 คอนโดมิเนียม 8 ชั้น มูลค่าโครงการราว 198 ล้านบาท ผลสำเร็จที่ได้รับเกินคาดในโครงการแรกได้กลายเป็นสัญญาณเชิงบวกให้ม้านอกสายตาเร่งฝีเท้าสู่ยูนิคอร์นพันล้านบาทราวติดปีกโดยเป็น 1 ใน 5 บริษัทที่ใช้เวลาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รวดเร็วที่สุดนับจากจัดตั้งบริษัททั้งยังมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap.) เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในเวลาไม่นานจากจำนวน 5 พันล้านบาทเมื่อแรกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ตุลาคม 2558 เป็น 2.05 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2560 การเติบโตที่รวดเร็วราวติดปีกดังกล่าว ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ค่ายกสิกรไทยยกให้หุ้น “ORI”เป็นดาวรุ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์การเป็นแนวหน้าสร้างคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ในปัจจุบันออริจิ้นเดินเกมอสังหาริมทรัพย์เชิงรุก ประกอบด้วย ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (project development business) ซึ่งพัฒนาคอนโดมิเนียมแล้วประมาณ 38 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 3.6 พันล้านบาท และธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (recurring income business) เช่น โรงแรมเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ ค้าปลีก รวมถึงธุรกิจบริการ (service business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขายเช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ คว้าโอกาสในบลูโอเชียน แม้วันนี้ออริจิ้นจะได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำคอนโดมิเนียมที่คุมโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ถึงสมุทรปราการ แต่พีระพงศ์ยังคงมุ่งมั่นต่อยอดธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล “ในอดีตถึงปัจจุบันเราเป็นผู้นำในทำเลอ่อนนุช-สมุทรปราการ แต่ต่อจากนี้เรากำลังจะเป็นผู้นำทำเลหลายพื้นที่ เช่น หมอชิต-สะพานใหม่ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราเปิดโครงการมากที่สุดจำนวน 8 โครงการ และแต่ละโครงการจำหน่ายแล้วเฉลี่ย 80-90% โดยเรายังคงสำรวจตลาดและศึกษาความเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทำงานร่วมกับบริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ” ขณะที่มุ่งเน้นการออกแบบโครงการให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนับตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งรูปแบบโครงสร้างภายนอก การตกแต่งห้องและพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร โดยกำหนดคอนเซปท์ด้านดีไซน์ที่โดดเด่นและแตกต่างในสไตล์อังกฤษ ซึ่งพีระพงศ์เปรียบเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมและงานดีไซน์ระดับโลก “ความสำเร็จของเราเกิดจากการตัดสินใจที่รวดเร็ว การหมุนรอบงานก่อสร้างที่ทำรายได้เร็ว และ Blue Ocean Strategy หรือการหาน่านน้ำใหม่ นอกจากทำเล และแนวคิดโครงการรูปแบบใหม่ เรายังเน้นการให้บริการหลังการขาย โดยเราเป็นรายแรกๆ ที่มี hotel services ครบวงจร เรามีแม่บ้านทำความสะอาดมากกว่าร้อยคนในปัจจุบัน” ขณะเดียวกันพีระพงศ์ยังไม่หยุดมองหาโอกาสสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยการจับมือกับพันธมิตรและการซื้อกิจการเกี่ยวเนื่อง เพื่อกระจายการลงทุนไปยังอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายและช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาโครงการให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และกำไรได้รวดเร็วขึ้นดังเช่นการซื้อหุ้นบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด (PR) มูลค่าการซื้อ 4 พันล้านบาท ซึ่งไม่เพียงทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และกำไรจาก Park 24 ทันที แต่ยังเป็นทางลัดให้ออริจิ้นสามารถเข้าสู่ตลาดระดับบนในทำเลที่มีศักยภาพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา พีระพงศ์ ยังได้ร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เพื่อแลกเปลี่ยนใน know-how นวัตกรรมและดีไซน์การพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบญี่ปุ่น สำหรับเส้นทางของออริจิ้นนอกกรอบคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสะท้อนชัดในโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา” มูลค่าโครงการราว 5 พันล้านบาท บนเนื้อที่รวม 14 ไร่ มีพันธมิตรทางธุรกิจอย่างกลุ่มโรงแรม Inter Continental Hotels Group นอกเหนือจากการเดินหน้าตามแผนการดำเนินงานเชิงรุกและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่วางไว้อย่างชัดเจน พีระพงศ์ยังให้ความสำคัญกับการให้โอกาสทีมงานหรือบุคลากรอย่างเท่าเทียมกันด้วยการพิจารณาที่ความสามารถมากกว่าวัยวุฒิหรือคุณวุฒิเป็นหลัก โดยทีมงานของบริษัทจำนวนกว่า 500 คนเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุเฉลี่ย 28-29 ปี ทำให้มีความเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในวัยเดียวกันได้เป็นอย่างดี “ออริจิ้นเป็นองค์กรสายพันธุ์ใหม่ ทั้งผมและภรรยาเป็นคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากพนักงานบริษัททั่วไปและขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง เรามองว่าทุกคนมีศักยภาพหากได้รับโอกาส ที่นี่ดูความสามารถไม่ได้ดูอายุงานหรืออายุตัว” ขณะที่การฝึกอบรมพัฒนาความรู้และความสามารถของพนักงานเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงทดลองงาน โดยพนักงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย การเงิน หรือกฎหมาย ต้องผ่านหลักสูตรของ Origin School ซึ่งสอนเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 8 วิชาในระยะเวลา 3 เดือน เช่น ความรู้เบื้องต้นด้านอสังหาฯ การก่อสร้าง เป็นต้น พีระพงศ์ย้ำถึงความเชื่อมั่นในโอกาสแห่งความสำเร็จบนความมุ่งมั่นพยายามบนเส้นทางที่สั่งสมประสบการณ์ทำงานและความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี “หลายคนต้องการสร้างฐานะทันทีที่เรียนจบหรือรีบลาออกทำธุรกิจ ซึ่งให้ผลสำเร็จไม่มากผมต้องการเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นว่า ไม่ต้องรวยก็สร้างธุรกิจให้เติบโตได้เพียงแต่มีความมุ่งมั่นและพยายามสั่งสมประสบการณ์ในงานประจำจนเป็นมืออาชีพในองค์กร...ที่ผ่านมาความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่เพราะผมได้รับโอกาส และในทุกโอกาส ผมทำให้ดีที่สุด”คลิกเพื่ออ่าน พีระพงศ์ จรูญเอก เดินเกมรุกสร้างทางลัด “ออริจิ้น” จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine